#15 : ต้องคิดแบบนี้จึงจะขายดีได้ (แบบไร้คู่แข่ง)

0
5663
views
ต้องคิดแบบนี้จึงจะขายดีได้แบบไร้คู่แข่ง

แชร์สิ่งดีๆ ไว้เรียนรู้ต่อ


ฟังบทความพูดได้ ที่นี่ค่ะ 

การขาย เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดของการทำธุรกิจค่ะ วันนี้เอวาอยากจะสอนเคล็ดลับที่สำคัญมากสำหรับการขาย ไม่ว่าคุณจะขายของอะไรก็ตาม ออนไลน์ ออฟไลน์ ธุรกิจให้บริการ หรือ กำลังสร้างตัวตนให้มีคนรู้จัก 

ทัศนคติเรื่องการขาย คือ ตัวกำหนดความสำเร็จอย่างแท้จริง

และเอวาก็ได้เตรียม 3 เคล็ดลับสำคัญเพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นคิดให้ขายดีได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ

1. สร้างมิตรภาพก่อนสร้างยอดขาย

นี่คือจุดเริ่มต้นแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายของทางออนไลน์ ลืมคำว่าผู้ติดตามและยอดไลค์ไปได้เลยค่ะ  ลูกค้าไม่ได้ซื้อแค่สินค้าเท่านั้น ลูกค้าเค้าอยากรู้จักเราก่อน เค้าต้องเชื่อใจและไว้ใจเราก่อน เค้าถึงจะอยากซื้อของจากเรา

.

พอพูดถึงเรื่องการขาย ไม่ว่าใครก็กลัวและอยากจะวิ่งหนีให้ไกลที่สุด

แต่เชื่อมั้ยคะว่า อาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีความต้องการในตลาดสูงมากๆ ตลอดกาล พวกเค้ามีเงินเดือน มีค่าตอบแทนสูงมาก ชนิดที่ไม่มีเพดานรายได้กันเลยทีเดียว

.

เอวาก็เคยกลัวการขายมากๆ มาก่อน และสาเหตุที่เรากลัวการขาย เพราะเราเคยเห็นนักขายที่ไม่ค่อยเก่ง เลยคิดว่าเวลาเราไปขาย เราต้องทำพฤติกรรมเหมือนกับนักขายเหล่านั้น

จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ นักขายเป็นอาชีพที่ดีมาก เพราะเรากำลังนำความเปลี่ยนแปลงที่ดีไปให้ลูกค้า เราคือนกนำโชค นำความโชคดี และชีวิตที่ดีขึ้น สะดวกสบายขึ้นไปให้ลูกค้า

.

ทุกวันนี้เราเข้าเฟสบุคกันมาทำไมคะ?

เราเข้ามาหาเพื่อน เข้ามาดูว่าเพื่อนคนนั้นคนนี้เค้าโพสอะไร ไปเที่ยวไหน ไปกินอะไร ขนาดแจกการ์ดบวชการ์ดแต่งยังแจกกันทางเฟสเลยค่ะคิดดู

เราอยากเข้ามาคุยกับเพื่อน มาหาความบันเทิง มาดูอะไรสนุกๆ มาฟังเรื่องเล่าของเพื่อนเรา ถูกต้องมั้ยคะ?

นี่คือจุดประสงค์ของเฟสบุคค่ะ เฟสบุคคือหนังสือรุ่น คือ ที่ให้เพื่อนๆมาพบปะกัน มาเชื่อมโยงกัน มารับรู้เรื่องราวของกันและกัน

.

เมื่อเรารู้จักกันในโลกออนไลน์แล้ว เราจะรู้สึกว่าใกล้ชิดกับเค้าตลอด รับรู้ความเป็นมาและเป็นไปของเค้าเสมอ 

ยกตัวอย่างเช่น เอวาเป็นเพื่อนในเฟสกับคนคนหนึ่งอยู่ เป็นพี่ชายที่น่ารักท่านหนึ่งนะคะ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยเจอกันเลยค่ะ แล้ววันหนึ่งเดินทางไปแถวจังหวัดที่พี่เค้าอยู่พอดี ก็เลยนัดทานข้าวกัน เชื่อมั้ยคะ เรานั่งคุยกันเหมือนกับว่าเราได้เจอกันทุกวันจริงๆ

นี่คือสเน่ห์ของการเล่นเฟสบุคค่ะ

มีลูกศิษย์หลายคนเอวาเป็นเพื่อนกับเค้าในเฟส เราไม่เคยเจอกันเลยยย แต่รับรู้ความเป็นไปกันตลอด

วันหนึ่งเค้าขายสินค้าตัวนี้ สมมติว่าแป้งทาหน้า

วันแรกเห็น ไม่ได้สนใจค่ะ เลื่อนผ่านไป

วันที่สองเห็น ก็โอเค

ครั้งที่ 3 4 5 6 ผ่านไป ก็ยังเห็นเพื่อนคนนี้พรีเซนต์ตัวเองแบบน่ารักๆ ว่าเป็นตัวแทน ขายแป้ง ทาแป้งไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่

เห็นอีกทีครั้งที่ 7 เฮ้ย วันนั้นเห็นเพื่อนคนนี้เค้าขายแป้งนี่หว่า

เฮ้ย แป้งหมดพอดี ไหนดูดิ๊ เค้าขายอะไร

แล้วก็สั่งซื้อในที่สุด ทุกวันนี้เอวายังใช้แป้งยี่ห้อนั้นอยู่เลยนะคะ

.

วันแรกเราเห็นคนหนึ่งออกมาขายของ เราไม่ได้สนใจค่ะ

จนกระทั่งวันที่เรามีความต้องการอยากได้ของสิ่งนั้นพอดี อ้าว เพื่อนเราขายหรอ เอาสิ เราอยากซื้อกับเพื่อนก่อนอยู่แล้ว เพราะความเชื่อใจค่ะ 

นี่คือสิ่งที่สำคัญที่ทำให้คนอยากซื้อจากเรา คือ ความเชื่อใจ

.

มาถึงตรงนี้ คุณพอเข้าใจแล้วใช่มั้ย? ถ้าที่ผ่านมายังขายไม่ได้ เพราะแค่อยากจะเพิ่มยอดขาย ยังไม่ได้สร้างเพื่อนก่อนเลย ใช่หรือเปล่า?

การขาย ที่จริงแล้วมีความหมายว่า ความสามารถที่ทำให้คนสนใจคุณ เชื่อคุณ และอยากฟังจากคุณ 

.

และวิธีสร้างความเชื่อใจได้อย่างดี คือ การให้ค่ะ  

ให้ความสนุก ตลก ให้ความรู้ ให้แรงบันดาลใจ ให้แง่คิด สิ่งเหล่านี้มันทลายกำแพงแห่งความสงสัย

เพราะเราไม่ได้รู้จักกันจริงๆ เราไม่เคยเรียนด้วยกัน เพราะฉะนั้นเจอกันแรกๆในเฟสเนี่ย คนเค้าจะสงสัยเราก่อนอยู่แล้ว 

แต่ถ้าเราเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ด้วยการให้ ให้จนเค้ารู้สึกอยากตอบแทนเรา 

.

พอเราให้เค้าเยอะๆ เค้าได้รับเยอะๆ เค้าจะทนไม่ได้ เค้าจะต้องหาทางตอบแทน เพราะนี่คือกฎธรรมชาติบนโลกนี้ที่เรียกว่า กฎแห่งการให้และการรับ 

.

ในช่วงแรกที่เอวาเริ่มต้นขายของออนไลน์นะคะ เปิดเพจเลยค่ะ โพสทุก 2 ชั่วโมง ยิงโฆษณาอีกต่างหาก ยิงเองก็ไม่เป็นนะคะ จ้างเค้าทำ โพสทั้งวันทั้งคืน ไม่รู้ทำไปได้ยังไง

.

ถามว่าขายได้มั้ย มันก็ขายได้นะคะ เพราะกระแสของแบรนด์ด้วย แบรนด์ทำการตลาดให้ด้วย แล้วเรายิงโฆษณาไปดักลูกค้าไว้อีก ลูกค้ารู้จักสินค้า ลูกค้าเห็นเพจของเรามีความเคลื่อนไหว ไม่ใช่เพจร้าง ลูกค้าทักมาคุย อ่ะ มีตัวตนจริง ก็กล้าสั่ง

.

แต่หลังจากนั้นพอกระแสซาลง เฟสบุคปรับอะไรต่อมิอะไรของเค้า จริงๆ เค้าปรับอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะ ทีนี้เพจเอวาได้รับผลกระทบเต็มๆค่ะ ยิงแอดไปวันละเป็นพันยังแทบไม่มีคนทักเลย

ขาดทุนแบบไม่ต้องคำนวนเลยนะคะ

.

เอวาก็ใช้วิธีนี้แหละค่ะ ในการแก้ไข ปรับทิศทางขนานใหญ่เลย เริ่มต้นแบ่งปัน ให้ความรู้เรื่องการขายของออนไลน์สำหรับคุณแม่

เอวาเริ่มต้นเขียนโพสแรก ว่า คุณรู้มั้ยว่า 3 เคล็ดลับเป็นคุณแม่ลูกหลับนับเงินล้าน คือ อะไร?

แค่นั้นโพสนั้นก็มีคอมเมนต์และมีแชร์มากมายเลยค่ะ จากนั้นเอวาก็เขียนอีกหลายโพส

มีคนทักมาถาม สนใจมาเรียนด้วย นำมาซึ่งโอกาสในชีวิตมากมายเลยทีเดียว

.

ถึงแม้เมื่อ 3 ปีก่อนเอวายังไม่ได้ความรู้เยอะเหมือนตอนนี้ แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรคของการให้เลย

​.
คุณก็ทำได้ค่ะ คุณรู้เรื่องไหน ชอบอ่าน ชอบศึกษาเรื่องไหน แค่เริ่มต้นจากการให้ ให้สิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ใช่ต้องไปหาไกลตัวเลย

ให้เพราะอยากช่วยเค้าจริงๆ สิ่งนี้คุณจะเข้าใจได้ทันทีเมื่อได้เริ่มต้นทำ 

2. ​สิ่งที่นักขายทั่วไปพลาด (แต่ไม่ใช่เรา)

เคล็ดลับที่ 2 ที่จะช่วยให้คุณขายดีได้ตลอดกาล เป็นเรื่องสำคัญที่คนขายไม่ดีไม่รู้ ไม่ทำ แล้วก็ทำผิดพลาดเป็นประจำ แต่นั่นจะไม่ใช่คุณอีกต่อไป

.

เคล็ดลับนี้เอวาจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงขั้นตอนที่คนซื้อของในเฟสบุค คนเล่นเฟสบุคเค้าคิดและตัดสินใจกันยังไง รวมทั้งวิธีที่คุณจะทำให้คนสนใจสิ่งที่คุณขายมากยิ่งขึ้นค่ะ 

.

ขอให้เราเข้าใจกันก่อนว่า พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าในแต่ละช่องทางไม่เหมือนกันนะคะ

ถ้าอธิบายขั้นตอนการซื้อของแบบสั้นๆ ง่ายๆ ลูกค้าเริ่มจากรู้จัก รู้ว่ามีสินค้าชนิดนั้นแบบนั้นอยู่ในตลาดด้วย เค้าอาจจะไม่ได้ตัดสินใจซื้อเลยหรอกค่ะแล้วเมื่อเห็นบ่อยๆ รู้สึกว่าอยากแก้ปัญหาจุดนั้นพอดี ก็อยากได้ 

พออยากได้ ก็เห็นมีคนขายที่ดูเป็นมิตรดี ก็ทักไปคุยและซื้อ

.

เพราะในเฟสบุค คนมาเล่นก็จะเลื่อนฟีดไปเรื่อยๆ น้อยมากที่จะตั้งใจเข้ามาหาซื้อของ

ถ้าเรารู้ว่าเราจะซื้ออะไร เราจะไปที่ google ค่ะ

เช่น เอวาเข้าไปหาซื้อลิปยี่ห้อ wet and wide ก็ Search เลยค่ะ หาเลยว่าของชิ้นนี้ขายที่ไหนบ้าง อ่ะ มีที่วัตสัน มีสีอะไรน่าโดนบ้าง อะไรก็ว่าไป

หรือถ้ารู้อยู่แล้วว่าของชิ้นนี้ซื้อได้ที่ไหน ก็เข้าเว็บหรือแอปของร้านนั้น หรือไม่ก็ลาซาด้า ช้อปปี้ ถูกมั้ยคะ

.

เว็บไซต์, App, lazada, shopee มีไว้เพื่อรับลูกค้าที่เข้ามาหาซื้อของ อารมณ์เหมือนแบบร้านกาแฟที่มาเปิดรับลูกค้าใต้ตึกออฟฟิต คือ ลูกค้าต้องการซื้อตอนนั้นเลยก่อนขึ้นทำงาน ร้านกาแฟก็รู้ว่าลูกค้าต้องมาหากาแฟก่อนเข้าทำงาน 

.

แต่กับเฟสบุค เราทำหน้าที่บอกลูกค้าว่า เฮ้ย มีฉันอยู่นะ ฉันอยู่ตรงนี้ อยากลองใช้มั้ยล่ะ ฉันช่วยเธอได้นะ

.

ยกตัวอย่างเช่น แป้งแต่งหน้าเหมือนเดิมแล้วกัน

ในเฟสบุค คนเข้ามาเล่นใช่มั้ยคะ พฤติกรรมเค้าไม่ได้เข้ามาแล้วแบบ เฮ้ยวันนี้ใครขายของมั่งวะ อยากจะดูแต่โพสขายของ ไม่มีหรอกค่ะ

พฤติกรรมคนเข้ามาเล่นเฟสบุค ไม่ใช่แบบนั้น

.

แต่เรามักจะสนใจเมื่อเห็นโพสขาย ประเภทที่ว่า "เธอจะมีชีวิตที่ดีขึ้นนะ ด้วยของของฉัน"

เธอจะสวยขึ้น เธอจะผอมลง เธอจะผิวสวยขึ้น สามีเธอจะเห็นว่าเธอสวยขึ้น หุ่นดีขึ้นนะ

ถ้าเจ็บป่วยไป ต้องขาดงาน ขาดเงินนะ ลองดูแบบประกันของฉันมั้ยล่ะ ฉันบริการดีนะ

เธอจะมีรายได้เพิ่ม ลูกเธอจะมีทางเลือกในชีวิตมากขึ้นนะ ลองเข้ามาอ่านมาฟังฉันต่อมั้ยล่ะ

.

ในเฟสบุค เรากำลังนำเสนอทางเลือกใหม่ให้ลูกค้าค่ะ

แต่นักขายทั่วไปทำกันยังไงล่ะคะ?

เค้ามักจะโพสๆๆ โพสอยู่นั่นแหละค่ะว่า เค้าขายอะไร ขายอะไร ราคาเท่าไหร่ สารสกัดดีเลิศแค่ไหน บอกตรงๆ ลูกค้าไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าสารสกัดชื่อ…..นั้นคืออะไร  

วันก่อนพี่โจ้ สามีเอวาเค้าจะไปสมัครคอร์สออกกำลังกายค่ะ

เค้าก็มาเล่าให้ฟังว่า คนสอนบอกว่า มาเรียนกับเราสิ เพราะเราเทรนมาจากสถาบันชื่อ AABBCC

เอวาก็ถามว่า แล้วไอ้สถาบันเนี้ยมันคืออะไรอ่ะ? พี่โจ้บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน 

นั่นแหละค่ะ

เราคนขายอยากให้รู้ว่าของเราสารสกัดล้ำแค่ไหน เราเทรนมาจากสถาบันระดับโลกแค่ไหน เรามีประกาศนียบัตรแบบไหน

ในฝั่งคนขาย เราอยากบอกค่ะ เราอยากนำเสนอให้รู้ว่าของฉันดี ตัวฉันมีดี

แต่ลูกค้า สนใจมั้ย ไม่ได้สนใจ

พี่โจ้ก็ไม่ได้สนใจ รู้แค่ว่า อยากมีหุ่นดีเหมือนเทรนเนอร์

.

เอวาก็ไปลงเรียนสัมมนามากมาย สนใจมั้ยว่าคนสอนเป็นใคร จบอะไรมา ไม่ได้สนใจเลย ไม่เคยถามด้วย รู้แค่ว่าฉันจะรู้วิธีการทำธุรกิจมากขึ้นมั้ย ฉันจะทำธุรกิจโดยใช้เวลาน้อยลงได้มั้ย นั่นคือส่วนสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ

.

นักขายทั่วไปชอบบอกว่าตัวเองขายอะไร

แต่นักขายที่เก่งจะบอกว่าลูกค้าจะได้อะไร มองไปที่ผลประโยชน์ของลูกค้าก่อน มองไปที่คุณค่าที่ลูกค้าจะได้

.

สรุปเลยนะคะ

ขายอะไร ไม่ได้สำคัญเท่ากับ ใช้แล้วได้อะไร

ขายแป้ง กับ ขายใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติราวกับว่าผิวดีแต่กำเนิด

ขายอาหารเสริมลดความอ้วน กับ ขายหุ่นสวยสุขภาพดีแบบดารา ขายรูปร่างใส่บิกินี่อยู่ริมทะเลมัลดีฟส์ที่ลูกค้ากำลังจะได้รับ

.

โทรศัพท์มือถือที่แข่งกันออกรุ่นใหม่ๆ เกือบทุกเดือน ไม่เคยมีใครมาพูดเลยว่า ของฉันทำด้วยวัสดุไททาเนียม ทนทาน ของฉันแบตอึด ไม่มีค่ะ

เค้าพูดกันแต่ว่า รูปจะถ่ายได้สวยแค่ไหน

ถ่ายรูปออกมาได้แบบกล้องมืออาชีพเลยมั้ย

ถ่ายรูปแล้วหน้าชัดหลังเบลอได้มั้ย Selfie แล้วสวยแค่ไหน

ถ่ายคลิปวีดีโอ สวยแค่ไหน

เนี่ยคือสิ่งโทรศัพท์มือถือเค้าขายกันค่ะ วัสดุ ความจุ ไม่เคยมีใครอ่าน เอวายังไม่อ่านเลยค่ะ แค่รู้ว่า ถ่ายรูปสวยหรอ เอาสิ เอวาใช้ huawei นะคะ เดี๋ยวนี้ไปต่างประเทศไม่ต้องแบกกล้องไปแล้วค่ะ มือถืออันเดียว จบ

.

ลูกค้าอยากได้การเปลี่ยนแปลงค่ะ

เค้าซื้อสินค้าเพื่อแก้ปัญหาในชีวิต

ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

ซื้อเพื่อความสะดวกสบาย

ซื้อเพื่อให้ประหยัดเงินมากขึ้น ประหยัดเวลามากขึ้น ประหยัดเรี่ยวแรงมากขึ้น

และซื้อเพื่อให้ไปอวดได้

.

คนซื้อของทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตัวเค้าเอง ซื้อเพื่อความสุขของเค้า ซื้อเพื่อชีวิตของเค้า

.

เค้าไม่ได้ซื้อของเพื่อจะทำให้คนขายรวยขึ้น ไม่ใช่

เค้าซื้อเพื่อตัวเค้าเอง

เอวาเชื่อว่า แค่คุณรู้เคล็ดลับ คุณก็เอาจะไปปรับโพสขาย วิธีการนำเสนอ รูปถ่ายที่จะโพสแล้วค่ะ

ขายประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้ โดยมีสินค้าของเราเป็นสื่อกลาง 

.

ตอนนี้คุณอาจจะเริ่มคิดหัวแบบระเบิดแล้วค่ะ ว่าจะทำยังไงดี? อย่าเพิ่งเครียดไปค่ะ เพราะหนทางที่ดีที่สุดในการบอกว่าสินค้าของเราใช้แล้วได้อะไร นั่นก็คือ การสอนใช้สินค้า นั่นเอง

.

ข้อนี้เอวาค้นพบเมื่อไม่นานมานี้เองนะคะ

.

เพจ NPP Box เค้าสอนใช้กล่องพัสดุ ถึงแม้คนเราจะรู้อยู่แล้วว่าวิธีใช้กล่องพัสดุทำยังไง แต่เราก็ยังอยากดูอยู่ดีค่ะ ดูที่เพจนี้ได้เลย เค้าทำได้เจ๋งมากๆ ค่ะ https://www.facebook.com/nppbox/

.

แล้ววันนี้คุณขายอะไรคะ ขายแป้ง สอนแต่งหน้าได้มั้ย?

.

ขายกาแฟ สอนชงกาแฟให้อร่อยได้มั้ย ประหยัดค่ากาแฟสดวันละร้อยได้มั้ย ดื่มกาแฟแล้วไม่อ้วนได้ยังไง สอนเค้าทำได้มั้ยคะ?

.

คนเข้ามาเล่นเฟสบุคอยากมาเล่น มาหาเพื่อน มาดูอะไรสนุกๆ เข้ามาเล่น 

เฟสบุคไม่ใช่แคตตาล็อค ที่คนจะเข้ามาเปิดดูเพื่อหาของ แต่เฟสบุคสามารถทำให้คนอยากซื้อของได้ ถ้าเรานำเสนอเป็น 

และการขายที่ดีนั้น เราจะต้องเป็นคนนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิตของเค้า เราต้องบอกประโยชน์ที่เค้าจะได้ เมื่อตัดสินใจซื้อของจากเรา

.

และวิธีการที่ดีที่สุด คือ สอนเค้าใช้สินค้านั้นค่ะ

ยิ่งคุณสอนเค้าได้มากเท่าไหร่ ลูกค้าจะยิ่งรู้มากขึ้นเท่านั้นว่าของของคุณดีมากแค่ไหน 

นำไปปรับใช้ดูนะคะ

#15 : ต้องคิดแบบนี้จึงจะขายดีได้ (แบบไร้คู่แข่ง).02

3. ​ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของเป้าหมาย

ขายดี หรือ ขายไม่ดี เริ่มต้นที่ความตั้งใจค่ะ เมื่อคุณมีเป้าหมายที่เล็ก ความพยายามก็จะเล็ก แต่ถ้าเป้าหมายคุณใหญ่ ความพยายามของคุณก็จะใหญ่ตามไปด้วย 

ละครเวที ทำไมเค้าต้องเล่นใหญ่ เพราะเค้ามีเป้าหมายใหญ่ เพื่อส่งอารมณ์ให้ถึงคนที่นั่งด้านหลังให้รับรู้ความรู้สึกด้วย ถ้าเล่นเล็กมันไปไม่ถึงค่ะ

.

และเมื่อมีเป้าหมายใหญ่ เราก็จะทำใหญ่ เล่นใหญ่ นี่คือข้อแตกต่างที่ทำให้คนขายดี ก็ขายดีอยู่อย่างนั้น ส่วนคนนั่งมองเค้าขาย แล้วก็ท้อแท้ในโชคชะตาของตัวเอง ก็ยังคงนั่งตบยุงต่อไปค่ะ

.

7-11 ขายดีมั้ยคะ? -ขายดี-

ของใน 7 ขายดีทุกตัวมั้ยคะ? -ไม่ใช่ค่ะ ของใน 7 ไม่ได้ขายดีทุกตัว-

แต่ 7 เค้าคิดว่าเค้าเป็นคนขายดี เค้าก็เรียงของแบบคนขายดี

ตัวไหนขายได้ ตัวไหนขายไม่ได้ ตอนแรกไม่รู้หรอก แต่ act ไปเลย act ว่าฉันขายดีแน่ เรียงของแน่น ขอให้เข้ามา อะไรก็มี มีทุกอย่างจริงๆ

.

ลูกเอวา 3 คน เข้า 7 แทบทุกวันค่ะ ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือกลับมาเสมอ ไอติมมั่ง ขนมปังมั่ง นมมั่ง เยลลี่มั่ง 

.

เพราะ 7 เค้ามั่นใจ มีเป้าหมาย โปรโมทตัวเองทุกวัน แล้วเค้าก็ขายดีจริงๆ 

เอวาเคยอ่านหนังสือชื่ออะไรจำไม่ได้แล้วค่ะ เค้าเขียนว่าหลายปีแรกที่ทำ 7 ไม่ได้กำไรนะคะ

แต่เค้าเรียนรู้และทดลอง ลองผิดลองถูก ปรับกลยุทธ์ ทำให้พลิกกลับมาขายดีได้

อาจจะมีคนด่า 7 เยอะ แต่ส่วนตัวเอวาคิดว่า 7 ทำให้ SME หลายโรงงานมีช่องทางขาย สามารถลืมตาอ้าปากได้ เค้าจ่ายภาษีเข้าไปบำรุงประเทศเยอะ และทำให้คนเวลาน้อยมีอาหารดีๆ สะอาดๆกิน มีขนมปังสดๆ มีน้ำเย็นๆ ให้กิน ร้านค้าสะอาด เข้าไปเดินเลือกของได้ 

ให้ก่อนแล้วจึงจะรับ นั่นคือตัวอย่างของคนสำเร็จ

.

ตอนนี้กลับต่อกันที่เรื่องของเราค่ะ เอวาขอย้ำอีกทีว่า การขายเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ฝึกฝนกันได้ 

เมื่อเราคิดและตัดสินใจเป็นคนขายดี เราก็จะขายดี และเทคนิคของคนขายดี อยู่ตรงนี้ มันคือ ความมั่นใจของนักขาย

.

เพราะการขาย มันคือ การส่งต่อความพึงพอใจ

ส่งต่อความพึงพอใจ หมายความว่า เราชอบสินค้านี้ เรารักมัน เราใช้มันจริงๆ มีผลลัพธ์จากมันจริงๆ ชอบมาก อยากบอกต่อ อยากให้ผู้คนได้ใช้สินค้านี้เพื่อให้ชีวิตของเค้าดีขึ้น เหมือนอย่างที่เราผ่านมันมาแล้ว

ความมั่นใจของคนขาย คือ เคล็ดลับที่สำคัญมากๆ 

.

ด้วยความจริงใจเท่านั้น ที่จะทำให้เราขายอย่างมั่นใจได้

เราจะไม่กลัวการขายเลย เพราะรู้ว่าเมื่อลูกค้าซื้อไปแล้ว เค้าจะต้องกลับมาขอบคุณที่เราขายให้เค้า

ถ้าคุณยังกลัวๆ กล้าๆ อยู่ เอวาเข้าใจคุณดีนะคะ ถึงแม้เอวาขายมาหลายปีแล้ว แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่ไม่แน่ใจ เกิดกลัวการขายขึ้นมา มีค่ะ มีเกิดขึ้นบ้างเหมือนกัน

แล้วเอวาทำยังไง?

ทำได้ด้วยการควบคุมความคิดค่ะ ความคิดเนี่ยแปลก ถ้าเราไม่ควบคุมมัน มันจะไหลไปคิดแต่เรื่องแย่ๆ

.

เอวาจะสร้างความมั่นใจด้วยความคิดที่ว่า เฮ้ย ถ้าเราไม่ขาย ของดีๆ ความรู้ดีๆ จะไปถึงผู้คนได้ยังไง เราจะช่วยเค้าได้ยังไง ถ้าเราไม่ยิงโฆษณา ถ้าเราไม่เขียนโพสขาย ถ้าเราไม่อัดเสียงทำ podcast ถ้าเราไม่เขียนบล็อก ไม่แบ่งปันข้อมูลดีๆ ถ้าคนไม่รู้จักเรา เราช่วยเค้าไม่ได้นะ

ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมา ไม่มาผลิตคอร์ส ไม่หาข้อมูลต่างๆ ไม่แกะรอยตัวเองว่าเคยทำอะไรมาบ้าง

ถ้าเราไม่ทำ เราไม่ขาย เราช่วยเค้าไม่ได้เลย

ของดีๆ ที่เรารู้มันจะตายไปกับตัวเรา

.

เหมือนวันนี้คุณมีสูตรเด็ดอ่ะ สมมติว่า สูตรทำผัดไทย อร่อยมาก อร่อยแบบหากินที่ไหนไม่ได้แล้ว แต่คุณยืนผัดอยู่คนเดียว ช่วยได้แค่คนที่มากินที่ร้าน วันละไม่กี่ร้อยคน

แล้วคุณไม่สอนลูก ไม่สอนหลาน ไม่ขายแฟรนไชส์ ไม่ขายสูตร

ผัดไทยที่คุณทำโคตรอร่อย มันก็จะตายไปกับตัวคุณ โดนเผาไปด้วย ตลอดกาล

เสียดายมั้ย? ถ้าคนจะมาพูดทีหลังว่า เสียดายจังตอนนั้นน่ะเราเคยกินผัดไทยที่โคตรอร่อย แต่ตอนนี้หากินไม่ได้แล้ว

เฮ้ย เสียดาย ยอมไม่ได้

เพราะฉะนั้น คุณต้องขายค่ะ ขายด้วยความมั่นใจแบบของเนี้ย แม่งโคตรดี (ขออภัยที่ต้องใส่อารมณ์^^)

ขายให้คนเค้ามาขอบคุณ มันคือ Heart Sell

Heart ที่แปลว่าหัวใจ หัวใจแห่งการขาย สิ่งนี้ต้องมีในจิตวิญญาณของนักขายทุกคน

.

ก่อนจะจบบทความพูดได้บทนี้ไป

เอวาให้คาถาเพื่อให้คุณมั่นใจกับการขาย ก็คือ...

เราต้องอารมณ์ดีค่ะ

อารมณ์ดีเวลาเขียนโพส

อารมณ์ดีเวลาตอบลูกค้า

อารมณ์ดีเวลายิงโฆษณา

อารมณ์ดีเวลาแพ็คของ อารมณ์ดีออกไปส่งของ

อารมณ์ดีเวลาเขียนแบ่งปัน

อารมณ์ดีเวลาสอนใช้สินค้า

อารมณ์ดีเวลาแบรนด์ส่งของล็อตใหม่มา

อารมณ์ดีเวลารับตัวแทนใหม่

ทุกครั้งที่ทำกิจกรรมเหล่านี้ รักษาอารมณ์ให้ดีตลอดเวลา

.

และในเฟสบุค หน้าบ้านของคุณ อย่าด่า อย่าบ่น อะไรใครเด็ดขาด

ไม่ต้องระบายความทุกข์ ไม่มีใครอยากรู้ค่ะ ชีวิตของเค้ามีเรื่องมากมายแล้ว อย่าให้เราไปเป็นอีกเรื่องของเค้าเลย

.

ขยะเหม็นจะปล่อยทิ้งในบ้านมั้ย ก็ไม่ใช่นะคะ ต้องกำจัดค่ะ 

.

เวลาคุณแม่อารมณ์ไม่ดี ลูกก็ไม่อยากเข้าใกล้ สามีก็ไม่อยากอยู่ด้วย แล้วลูกค้าจะเข้ามาได้ยังไง

.

บ้านของคุณ เฟสของคุณ เพจของคุณ ทำให้เป็นสถานที่ที่มีแต่เรื่องดีๆ อารมณ์ดีๆ ปลูกดอกไม้ให้สวยงาม ตัดหญ้า ถางหญ้า เก็บกวาดให้สะอาด ทาสี ตกแต่งให้น่าอยู่

ยิ่งอารมณ์ดี ของก็จะยิ่งขายดี เชื่อเอวาค่ะ

#15 : ต้องคิดแบบนี้จึงจะขายดีได้ (แบบไร้คู่แข่ง).04

สำหรับท่านที่อยากไปต่อ

ใกล้คลอดแล้ว กับคอร์สออนไลน์เรื่องเฟสบุคที่เอวาเตรียมมามากกว่า 9 เดือน

อะไรนะ??!!

กับแค่คอร์สสอนสร้างแฟนเพจ คอร์สหนึ่ง ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเลยหรอ?

ที่ต้องเตรียมการนานขนาดนั้น...

เพราะว่า เอวาต้องเอาตัวเองมาพิสูจน์สิ่งที่สอนก่อนว่าใช้ได้ผลจริงหรือเปล่า

.

สำหรับท่านที่ติดตามเอวามานาน การที่เราต่างหากันเจอนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยค่ะ

ไม่ง่ายเลยที่คุณหยุดเพื่ออ่าน  หยุดฟัง บทความพูดได้แต่ละบท

แต่นั่นแสดงว่า คุณกำลังหาคำตอบและการเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้กับชีวิตครอบครัว

โชคชะตาจึงนำพาให้เรามาพบกันอย่างถูกที่ ถูกเวลา

.

ตอนนี้คุณกำลังเดินมาอยู่ที่จุดเริ่มต้นแล้ว

เอวาเชื่อมั่นสิ่งที่รู้จะเป็นประโยชน์ต่อก้าวต่อๆ ไปของคุณ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ที่นำไปสู่การเป็น Mompreneur ผู้มีความสุขกับครอบครัว และมั่งคั่งจากงานที่รัก

.

เอวาอ่านหนังสือ ฟัง Audiobook และเรียนสัมมนามากมายในแต่ละปี จากครูระดับโลกและในประเทศ

ได้ทดลองทำหลายๆ โมเดล มีทั้งเวิร์ค และ ไม่เวิร์คในตลาดเมืองไทย

.

เมื่อ 3 ปีก่อน ตอนมีประสบการณ์เท่านั้น เอวาก็สอนเรื่องเฟสบุคได้ดีระดับหนึ่ง

เปรียบเทียบกับตอนนี้ หลังจากมีประสบการณ์มากขึ้น…

หมายความว่า เอวาก็จะสอนเรื่องเฟสบุคต่างไปจากเดิม เพราะมีหลายจุดที่เข้าใจมากขึ้น เข้าถึงมากขึ้น

อะไรที่ทำแล้วได้ผล

อะไรที่ไม่ต้องไปสนใจเลย

อะไรที่ทำแล้วได้กำไรสูง คุ้มค่ากับเวลาที่คุณกำลังจะทุ่มเท

แน่นอนว่า คุณสามารถประหยัดเวลาตัวเองไปได้เกือบ 3 ปีเลยทีเดียว

.

ถ้าเป้าหมายสำคัญข้อหนึ่งของคุณ คือ การมีเวลาให้ครอบครัวอย่างเต็มที่ และสามารถสร้างรายได้จากที่บ้านไปด้วยได้

ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้ง คุณยืนอยู่ในจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องแล้วค่ะ

ขอให้ทุกวันของคุณ คือ วันแห่งความก้าวหน้าค่ะ

รัก

เอวา จิตสุทธิภากร

Mompreneur

ป.ล. ลูกโตเร็วมากจริงๆ ค่ะ เมื่อเดือนก่อนเอวาเพิ่งจัดงานวันเกิดเล็กๆ ในครอบครัวให้กับลูกสาวคนโตที่มีอายุ 7 ขวบแล้ว

เวลาไม่เคยคอยใครเลย

มีแต่ลูกเท่านั้นแหละ ที่รอคอยเวลาจากคุณแม่อย่างเรา

.

ตอนนี้การตัดสินใจก็อยู่ที่คุณ

ถ้าคุณสนใจที่จะศึกษาความรู้เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ ในอาชีพ Mompreneur จาก Mompreneur ตัวจริง ที่มีผลลัพธ์จริง

เอวามีเนื้อหาสำคัญที่จะสอนในคอร์ส “ร้านนี้ดีขายแล้วรวยด้วย Facebook” คัดเฉพาะของที่ใช้ได้จริง เหมาะกับยุคนี้ ให้คุณนำไปลงมือสร้างธุรกิจเล็กๆ จากที่บ้านได้ทันที

สนใจรับความรู้ "บ้านนี้ดีอยู่แล้วรวยด้วยเฟสบุค"

ทัก inbox เพจ ครูเอวา Mompreneur

แล้วพิมพ์ว่า "สนใจเรียนคอร์สเฟสบุค" นะคะ

เอวาจะส่งรายละเอียดให้ดูว่า คอร์สนี้จะช่วยคุณยังไงได้บ้างค่ะ