ฟังบทความพูดได้ ที่นี่ค่ะ
อ่านบทความ #26 : 3 เคล็ดลับปลุกไฟแห่งจินตนาการเพื่อส่งเสริมลูกให้มีไอเดียเจ๋งได้ด้วยตัวเอง
ไอเดีย คือ ของฟรีที่มีมูลค่ามหาศาล
.
ครั้งหนึ่ง Bill Gates เคยฝันว่าทุกบ้านจะต้องมีคอมพิวเตอร์ใช้วางไว้บนโต๊ะทำงาน เป็นที่มาของคำว่า Desktop ที่เรารู้จักกันดี
.
Edison มีความฝันถึงแสงจากหลอดไฟ
.
Bill Gates และ Edison สามารถทำความฝันนั้นให้สำเร็จได้ แม้ว่าต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย
คุณทราบมั้ยคะว่าเพราะอะไร?
.
เพราะว่าพ่อแม่ของเค้าสนับสนุน ส่งเสริม และไม่หัวเราะเยาะนั่นเองค่ะ
นี่คือความสำเร็จจากที่บ้าน ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญให้เกิดอัจฉริยะสำคัญของโลก
.
ถึงแม้คุณเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนห่างไกลจากความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีหัวทางด้านนี้เลย แต่เราสามารถช่วยลูกของเราให้มีศักยภาพในด้านนี้ได้ค่ะ
ซึ่งตรงนี้เอวาอยากจะบอกว่า คุณแค่คิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มีไอเดีย จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอกค่ะ พวกเรามีไอเดียกันตลอดเวลา ติดที่ว่า ไม่ได้เอาความคิดนั้นไปใช้ไปลงมือทำก็แค่นั้นเอง
.
พ่อแม่ ควรส่งเสริมลูกให้ฝัน ให้จินตนาการ คิดใหญ่ ให้เค้าเชื่อมั่นว่า ลูกสามารถเป็นหรือมีอะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการในทางที่ดี
.
บทความพูดได้บทที่ 26 ในวันนี้ เอวาอยากแบ่งปัน 3 เคล็ดลับปลุกไฟแห่งจินตนาการ เพื่อส่งเสริมลูกให้มีไอเดียเจ๋งๆ ได้ด้วยตัวเอง
.
สิ่งนี้สำคัญมาก เนื่องจาก “ไอเดีย” คือ จุดเริ่มต้นของความสำเร็จทั้งปวง
.
ไม่ใช่แค่นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ หรือ ศิลปิน เท่านั้นที่จะมีไอเดียได้
ทุกคน เป็นคนที่มีไอเดีย มีความคิดสร้างสรรค์ ได้หมด
และคนที่จะช่วยลูกได้ดีที่สุด ก็คือ พ่อแม่ นั่นเองค่ะ
.
1. ไอเดียเกิดจากการแก้ปัญหาเล็กๆ ในชีวิตของเค้า
หลังจากวันนี้ขอให้คุณลองสังเกตลูกนะคะ เพราะเด็กจะมาพร้อมกับไอเดียตลอดเวลาว่าจะแก้ปัญหาเล็กๆ ในชีวิตของเขายังไง
.
เมื่อวานนี้ ระหว่างกำลังจัดกระเป๋าเพื่อไปโรงเรียน ลูกคนโต น้องปิ๊งปิ๊งเค้าก็เอากระดาษกาวสองหน้าแบบบางๆ ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปติดที่กล่องนมให้ติดกันเป็น 2 กล่อง เพราะเค้าจะนำนม 2 กล่องไปโรงเรียนทุกวัน
.
ด้วยวิธีนี้เวลาเค้าหยิบนมใส่กระเป๋า เค้าก็จะสามารถหยิบได้เลยทีเดียว 2 กล่อง แล้วเค้าก็ทำเผื่อน้องด้วย
อีกทีนึง คุณพ่อบอกให้ทานวิตามินซี น้องปิ๊งปิ๊งเค้าก็ดึงกระดาษทิชชู่ออกมาแจกน้องทั้ง 2 คน แล้วบอกว่า นี่คือจานนะ แล้วก็หยิบวิตามินซีแจกน้องคนละ 3 เม็ด.
มันเป็นไอเดียง่ายๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาเล็กๆ ในชีวิตของเค้า
.
วิธีส่งเสริมให้ลูกมีความสร้างสรรค์ มีความคิดใหม่ๆ ทำได้โดยการชื่นชม ไม่หัวเราะเยาะ พูดย้ำๆ ว่านี่เป็นความคิดที่ดี ด้วยการยอมรับจากพ่อแม่ แค่นี้ก็จะทำให้เค้ากล้าคิดมากขึ้น มากขึ้นอีก
.
บางไอเดีย เราสามารถช่วยลูกคิดต่อว่าจะขยายความคิดนี้ให้มันใหญ่ขึ้นยังไง ก็ได้ค่ะ
.
แบบนี้เค้าก็จะกล้าผลิตไอเดียใหม่ๆ ออกมาตลอด
และในอนาคต ไอเดียเหล่านั้นอาจจะพัฒนาไปไอเดียที่ใหญ่มากพอ เพื่อที่จะเปลี่ยนโลกก็ได้
.
แต่ถ้าตอนนี้เค้าไม่กล้าคิดอะไรเลย แม้แต่เล็กๆ ก็ไม่คิด ถูกสอนให้ทำตามอย่างเดียว หรือ ท่องจำอย่างเดียว ถ้าทุกคนถูกสอนแบบนั้น จะไม่มีความก้าวหน้าอะไรในโลกนี้ได้เลย
.
เมื่อไม่มีไอเดียเล็กๆ ก็อย่าหวังว่าจะมีไอเดียใหญ่ๆ เกิดขึ้นมาได้ค่ะ
.
2. ยิ่งมีไอเดียมาก คนรุ่นหลังก็จะเก่งกว่าคนรุ่นก่อนได้มาก
พ่อแม่ทุกคน อยากให้ลูกเก่งกว่าตัวเอง
เอวาและพี่โจ้ ตัดสินใจแล้วว่าลูกต้องเก่งมากกว่าเรา มีความสามารถมากกว่าเราสองคน
.
ซึ่งตรงนี้ลูกจะไม่มีทางเก่งกว่าเราได้ ถ้ารับเอาความคิดเก่าๆ ไอเดียเก่าๆ ไปใช้ตลอด สิ่งนี้เราสอนเค้าได้ว่าเรื่องไหน คือ ความจริง หรือ สัจธรรม
เรื่องไหน คือ ความคิดเห็น
.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก สิ่งนี้ คือ ความจริง
ส่วนคำพูดที่ว่า ไอเดียแบบนี้มันทำจริงไม่ได้หร้อกกกก นี่คือ ความคิดเห็น
.
การใส่ภูมิคุ้มกันให้ลูกเข้าใจว่า
สิ่งไหน คือ ความจริง
สิ่งไหน คือ ความคิดเห็น
เพิ่มความสามารถในการคัดกรองคำพูดว่าเป็นประโยชน์หรือไม่ เป็นแค่ความคิดเห็นหรือไม่ สิ่งนี้ควรได้รับการปลูกฝังจากพ่อแม่ค่ะ
.
เราส่งเสริมเค้าเป็นคนที่ให้เกียรติไอเดียตัวเอง
มั่นใจในความคิดที่ดีของตัวเอง
.
อย่าไปคิดว่าไอเดียของฉันมันจะมีประโยชน์อะไร้?
ไอเดียแค่เนี้ยมันจะไปทำอะไรได้เรอะ?
.
เพราะจริงๆ แล้วไอเดียมันเป็นของฟรี แต่มีค่ามาก
และไอเดียเล็กๆ แค่นิดเดียวเมื่อนำมาพัฒนาก็สามารถช่วยผู้คนได้มาก สามารถผันเป็นเงินได้มหาศาล
.
ประเทศชาติต้องการคนแบบนี้เยอะๆ ค่ะ
คลื่นลูกหลังต้องแรงกว่า ไม่อย่างนั้นคลื่นลูกหน้าจะไปถึงฝั่งได้ยังไงล่ะคะ?
3. แค่ไอเดียอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องตามมาด้วยการนำไปทำ
บอกลูกเลยว่า ไอเดียเป็นของฟรี มีได้ไม่จำกัด มีมากมายเกิดขึ้นได้ทุกวินาที
ไอเดียเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
จากนั้น ต้องนำเอาไอเดียที่คิดได้ไปลงมือทำด้วย
.
สนับสนุนให้ลูกลองเริ่มต้นประดิษฐ์ของบางอย่างง่ายๆ ขึ้นมา
เมื่อก่อน เวลาเข้านอน เอวาและพี่โจ้ก็จะอ่านนิทานให้เค้าฟัง
ตอนนี้เค้าเริ่มโตขึ้น คงฟังนิทานหลายรอบจนชินแล้ว
.
เค้าก็เลยเปลี่ยนเวลาอ่านนิทานเป็นเวลาของการแสดง
ทุกวันนี้ก่อนเข้านอน ลูกสาว 2 คนเค้าจะจัดแสดงเต้นรำ หรือ บัลเล่ต์ ที่ได้ไปเข้าคลาสทุกสัปดาห์
เค้าก็นำผ้าห่มผืนหนาๆ ไปปูเป็นเวที แล้วก็นำหมอนข้างมาวางไว้เป็นที่นั่งผู้ชม
.
บอกให้คุณพ่อเปิดเพลงแล้วเค้าก็เต้นรำกัน น้องชายคนเล็กก็ไปร่วมแสดงด้วย
.
มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่น่าประทับใจมากๆ เลย
เขียนๆ ไป เอวาก็อมยิ้มขึ้นมาได้นะคะ ^^
.
ยิ่งเราชื่นชมว่าสิ่งนั้นมันดีมากเท่าไหร่
เค้าก็จะยิ่งอยากทำมากขึ้นเท่านั้น
.
ทุกอย่างเริ่มจากเล็กๆ
.
และในอนาคตเมื่อเค้าเห็นไอเดียนั้นกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ขึ้นมา คราวนี้ไอเดียอื่นๆ มันจะเริ่มผุดขึ้นมาอีกเยอะเลย
.
นี่คือ ความลับของการให้เกียรติไอเดียตัวเอง โดยการเริ่มต้นลงมือทำ
เพราะไอเดียมันจะเริ่มพรั่งพรู
.
ยิ่งมีไอเดียมาก ชีวิตยิ่งสนุกมาก
.
มันจะไม่ใช่ทุกไอเดียที่เป็นไอเดียที่ดี แต่พอมีเยอะๆ มันต้องมีอะไรยอดเยี่ยมออกมาแน่นอนค่ะ จริงมั้ยคะ?
.
บอกลูกให้มองไปรอบๆ ตัวแล้วก็หัดสังเกตว่า อะไรมันเป็นเรื่องน่ารำคาญในชีวิต
อะไรเป็นปัญหาที่ยังไม่มีใครแก้
อะไรทำให้ตัวฉันสะดวกมากขึ้น
.
และเมื่อเริ่มต้นนำไปทำแล้ว ก็ค่อยๆ เก็บ feedback มาพัฒนาต่อ
นี่คือ วิธีการที่อัจฉริยะทุกคนทำกัน
เมื่อบวกกับแนวความคิดด้านธุรกิจ การขาย และการตลาดด้วยแล้ว
ลูกจะสามารถเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวยด้วยสิ่งที่รักได้แน่นอน
.
แค่นี้ชีวิตของลูกก็สนุกจนต้องกระโดดลงจากเตียงนอนในทุกๆ เช้าแล้วล่ะค่ะ
.
เพราะทุกความสำเร็จ ทุกความมั่งคั่ง ทุกความยิ่งใหญ่ในโลกนี้ ถูกสร้างขึ้นมาจากไอเดียเท่านั้น และถูกสร้างขึ้นในสมองของคนช่างคิด เท่านั้นค่ะ
ขอให้ทุกวันของคุณ คือ วันแห่งความก้าวหน้าค่ะ
รัก
ครูเอวา Mompreneur
สอนลูกด้วยหัวใจ วัยไหนก็มีความสุข