ฟังบทความพูดได้ ที่นี่ค่ะ
อ่านบทความ #24 : 3 วิธีสร้างแรงบันดาลใจเพื่อช่วยลูกให้มีหัวใจแห่งความสำเร็จ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เอวาและพี่โจ้ได้มีโอกาสพาลูกสาวคนโต (น้องปิ๊งปิ๊ง) ไปแข่งขันว่ายน้ำ ที่อ.หันคา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้บ้าน (ครอบครัวเอวาอยู่จังหวัดนครสวรรค์ค่ะ)
.
การแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรกของลูกครั้งนี้ นอกจากลูกที่ตื่นเต้นแล้ว ทั้งพ่อและแม่ก็ตื่นเต้นมากไม่แพ้กัน
.
เอวาคุยกับพี่โจ้ว่า “ลูกเราเค้าก้าวหน้าและมาไกลกว่าเราแล้วนะ เพราะสมัยเด็กๆ เราไม่เคยกล้าออกไปแข่งขันอะไรแบบนี้ที่ไหนเลย”
.
ก่อนหน้าวันแข่งขัน น้องปิ๊งปิ๊งมีความกลัวและไม่มั่นใจบ้าง เค้าไปคุยกับครูผู้ฝึกสอนว่า ไม่ค่อยมั่นใจเลยค่ะ คุณพ่อลงสมัครให้ทำไมก็ไม่รู้!!
.
สาเหตุที่พาลูกไปเรียนว่ายน้ำ
เอวาคิดว่าคงเหมือนกับพ่อแม่หลายๆ ครอบครัว คือ อยากให้ลูกว่ายน้ำเป็น เพราะการว่ายน้ำไม่ใช่แค่กีฬา หรือ การออกกำลังกายเท่านั้น แต่การว่ายน้ำยังช่วยให้ลูกปลอดภัย
นอกจากนั้น เมื่อว่ายน้ำเป็น ลูกรู้สึกสนุกมากขึ้นเวลาไปเที่ยวสวนน้ำ เอวาชอบเล่นสวนน้ำ และพาลูกไปเล่นสวนน้ำบ่อยๆ ด้วยค่ะ
.
น้องปิ๊งปิ๊งฝึกว่ายน้ำมาประมาณ 1 ปี
เมื่อครูแม็ค (ครูผู้ฝึกสอนประจำโรงเรียน) บอกว่า กำลังจะมีการแข่งขันที่อ.หันคานะครับ คุณพ่อสนใจให้น้องลงแข่งด้วยมั้ย?
.
พี่โจ้ไม่มีลังเลเลยค่ะ ตอบตกลงทันที พร้อมโอนเงินสมัครเรียบร้อย ไม่ถามซักคำด้วยซ้ำว่า ลงสมัครแข่งว่ายน้ำประเภทไหนบ้าง
.
ปรากฏว่า ครูแม็คน่ารักมาก ลงสมัครให้ทุกประเภทเลยทีเดียว 555
ตั้งแต่เกาะโฟมเตะขา
กรรเชียง
กบ
ผีเสื้อ
และฟรีสไตล์
เช้าวันนั้นเราปลุกน้องปิ๊งปิ๊งตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง น้องตื่นทันทีโดยไม่มีโอ้เอ้เลย พวกเราเดินทางไปถึงสนามแข่งตั้งแต่ 7 โมงเช้า พอเจอกับครูแม็คเรียบร้อย สาวน้อยของเราก็กระโดดลงน้ำเพื่อเตรียมตัววอร์มอัพให้คุ้นชินกับน้ำและสภาพสระว่ายน้ำทันที
จากนั้นรอเวลาสักครู่ก็ได้เวลาลงแข่งทีละรายการ
คลิปนี้เป็นการแข่งขันว่ายน้ำท่ากรรเชียง น้องปิ๊งปิ๊งใส่ชุดแดงอยู่ลู่ที่ 2 เข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 3 ค่ะ
หลังจากแข่งขันไปเรียบร้อยทั้ง 5 รายการแล้ว น้องปิ๊งปิ๊งก็ทำให้ตัวเองภูมิใจด้วยการคว้าเหรียญทองแดง 3 เหรียญ นับว่าเป็นก้าวแรกแห่งเส้นทางการแข่งขันว่ายน้ำ ซึ่งต่อไปนี้น้องปิ๊งปิ๊งก็จะรู้แล้วว่าจะฝึกว่ายน้ำไปทำไม และต้องพัฒนาตรงจุดไหนเพิ่มเพื่อให้เก่งขึ้นได้อีก
.
เอวาคิดว่าพ่อแม่มีส่วนช่วยมากๆ ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ลูก อย่างแรกเลยคือเปิดโอกาสให้เค้าได้ลองทำหลายๆ อย่าง เพราะตอนนี้เค้าเกิดมาเหมือนผ้าขาวยังไม่มีประสบการณ์อะไรในชีวิตเลย เค้าไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าเค้าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร
.
ขอให้เค้าได้ลอง ได้เล่น ได้สนุก ยังไม่ต้องคิดว่าจะต้องทำกิจกรรมนั้นเป็นอาชีพ หรือ ทำไปตลอดชีวิต อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นค่ะ
.
ครอบครัวเราก็ยังไม่มีใครรู้หรอกว่าน้องปิ๊งปิ๊งจะลงแข่งขันว่ายน้ำไปอีกนานแค่ไหน ขอให้ตอนนี้เค้าสนุก พอได้ลงน้ำแล้วมักไม่อยากขึ้น เค้าจะขอว่ายต่อจนขึ้นคนสุดท้ายทุกวัน ก็พอแล้ว
วิธีช่วยลูกสร้างแรงบันดาลใจเพื่อมีหัวใจแห่งความสำเร็จ ที่เอวาอยากแบ่งปันวันนี้
.
ข้อแรก คือ ลูกของคุณไม่จำเป็นต้องได้อย่างเสียอีกอย่างอีกต่อไป
.
ไม่จำเป็นเลยค่ะ
.
เพราะลูกสามารถทำได้ทุกอย่าง เป็นได้ทุกอย่าง มีได้ทุกอย่างที่หัวใจเค้าต้องการ และเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องปลูกฝังแนวคิดนี้ โดยการย้ำกับเค้าเสมอว่า…
.
ลูกสามารถเป็นนักเรียนดีเด่น มีผลการเรียนยอดเยี่ยมได้
ลูกสามารถเป็นนักกีฬาเป็นแชมป์เหรียญทองได้
ลูกสามารถเป็นนักดนตรีเล่นเครื่องเล่นที่ชอบได้
ลูกสามารถเป็นที่รักของเพื่อนๆ เป็นที่รักของคุณครู มีเพื่อนที่ดีมากมายรายล้อมได้
ลูกสามารถพบเจอกับโอกาสที่ดี
ไม่มีอะไรจำกัดเลยในชีวิตของลูก จงเชื่อมั่นว่าลูกคือคนเก่ง ลูกมีได้และเป็นได้ทุกอย่างที่ต้องการในทางที่ดีในเวลาเดียวกัน
.
ผู้ใหญ่เราก็เหมือนกันค่ะ เลิกคิดไปเลยว่าได้อย่างแล้วต้องเสียอีกอย่าง
เพราะมันไม่มีกฎแบบนั้น
แต่เป็นแค่ความเชื่อของใครก็ไม่รู้ที่เราไม่จำเป็นต้องไปเชื่อตาม
ถ้าคุณเชื่อว่าต้องได้อย่างเสียอย่าง นั่นก็จะเป็นความจริงในชีวิตของคุณ
เพราะกฎของโลกนี้ คือ เราจะได้อย่างที่เราคิดและโฟกัสกับมันมากพอ
.
หนึ่งในคำพูดที่เรามักได้ยินกันเสมอๆ “ลูกไม่ต้องเรียนเก่งก็ได้ ขอแค่เป็นคนดี เป็นเด็กดีก็พอ”
ถ้าคำพูดนี้เป็นความจริง นั่นหมายความว่า คนที่เค้าเรียนเก่งเค้าเป็นคนไม่ดีหรอคะ?
ไม่ใช่เลย...
เอวามีเพื่อนหลายคนมาก ที่เค้าเรียนเก่ง (มาก) สวย (มาก) หล่อ (มาก) บุคลิกดีด้วย แถมยังมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีด้วย ทุกวันนี้พวกเค้ามีชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่น่ารักอบอุ่น มีงานที่มีความสุขทำ
.
เหมือนกับที่เราเคยได้ยินคนพูดว่า “ไม่ต้องรวยก็ได้ ขอแค่เป็นคนดีก็พอ”
ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องกันเลย
คนรวยมากๆ และดีมากๆ มีเยอะแยะ
ส่วนคนที่ไม่รวย และเป็นคนไม่ดี ก็มีเยอะแยะเช่นกัน
.
ในเมื่อความเป็นจริง และเป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ ที่เราอยากจะให้ลูกได้ทุกอย่าง
พ่อแม่ก็อย่าปฏิเสธสิ่งดีๆ ที่กำลังจะเกิดในชีวิตลูก
เราสามารถสอนลูกได้ว่า “หนูเป็นคนที่เข้าใจบทเรียนอย่างดี ในเมื่อการศึกษาในโรงเรียนเค้าทดสอบที่ความจำ หนูก็แค่จำให้ได้แล้วก็ไปสอบ
แล้วหนูรู้มั้ยคะว่า วิธีจำให้ได้ดีที่สุด คือ อะไร?
ก็คือการเข้าใจสิ่งนั้นตั้งแต่ในห้องเรียนนั่นแหละค่ะ
เหมือนกับเวลาเรารู้วิธีแก้โจทย์คณิตศาสตร์แบบนี้ ไม่ว่าข้อสอบออกอะไรมา เราก็ทำได้ เพราะความเข้าใจ”
.
บอกลูกไปเลย ตัดสินใจไปเลยว่า หนูเป็นคนความจำดี อ่านอะไรก็จำได้ เรียนอะไรก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว
พูดทุกวัน โปรแกรมเค้าทุกวัน
ลูกก็เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ที่พ่อแม่มีหน้าที่ใส่โปรแกรมดีๆ ให้เค้า
.
ใส่ข้อมูลดีๆ ให้ความรู้ดีๆ ให้ประสบการณ์ดีๆ คอยบอก คอยสอนให้เค้าเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง เอวาเชื่อว่า นี่คือหน้าที่สำคัญของพ่อแม่ และมีแต่พ่อแม่เท่านั้นที่ทำเรื่องนี้ได้ค่ะ
ข้อที่ 2 สอนให้เค้ารู้ว่ารางวัลของการทำดี ไม่ใช่ต้องได้สิ่งตอบแทน
.
ที่สนามแข่งขันว่ายน้ำ มีร้านของเล่นมาเปิดขายเยอะมากเลยค่ะ เอวาชื่นชมร้านค้าเหล่านั้นนะคะ เพราะเค้ารู้ว่าต้องขายน้ำให้คนหิวน้ำ เค้าเข้าใจหลักการขายอย่างดีมากๆ
.
นักกีฬาหลายร้อยคน อายุตั้งแต่ 6 ขวบ - 15 ปี
น่าจะต้องซื้อของเล่นกันบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
.
ซึ่งแน่นอนว่า น้องปิ๊งปิ๊งก็ขอของเล่นเหมือนกันค่ะ เค้าก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่แม้ว่าจะมีของเล่นเยอะแล้ว แต่ก็ยังอยากได้ของเล่นเพิ่มอีก ไม่มีที่สิ้นสุด
.
เค้าบอกว่า หนูลงแข่ง 5 รายการ หนูขอของเล่น 5 ชิ้นนะคะ
คำตอบของเอวา คือ ไม่ให้ค่ะ 555
.
แต่เอวาไม่ได้พูดว่าไม่ให้นะคะ
เมื่อเด็กได้รับคำปฏิเสธ มันจะทำให้เค้าปวดใจมาก
แต่เราต้องให้แรงบันดาลใจกับเค้าแทนค่ะ
.
บอกเค้าไปเลยว่า รางวัลของหนูมันไม่ใช่แค่ของเล่น ของเล่นอ่ะราคาแค่ไม่กี่บาท พ่อแม่ซื้อให้ได้อยู่แล้ว
แต่รางวัลของหนูมันยิ่งใหญ่กว่านั้น
มันคือความภูมิใจในตัวเอง
คือ สุขภาพที่ดี
คือ ครอบครัวที่ร่วมดีใจกับหนูด้วย
.
รางวัลของความสำเร็จมันจะมีตัวเงินเป็นของแถมอยู่แล้ว เงินมันจะมาอยู่แล้วค่ะ
แต่ไม่ใช่ว่าเราทำเพื่อเงินหรือสิ่งของ
เพราะการทำเพื่อเงินไม่ใช่แรงจูงใจที่ดีเลย
เงินเป็นแรงจูงใจที่ต่ำที่สุดในชีวิตมนุษย์
.
ทำดี เพราะอยากจะทำ
ทำดี เพราะอยากภาคภูมิใจ
ทำดี เพราะมีความสุข
.
สิ่งเหล่านี้ที่เงินซื้อหาไม่ได้ มีคุณค่าต่อชีวิตมากมายมหาศาล
หลังจากนั้น รางวัลที่เป็นตัวเงิน เป็นของเล่น หรือเป็นสิ่งตอบแทน มันจะตามมาเองแบบอัตโนมัติอยู่แล้วค่ะ
ข้อ 3 ทำยังไงให้ชนะได้ทุกการแข่งขัน
.
การแข่งขันมีข้อดีมากตรงที่ เรารู้ได้ทันทีว่าเรามีข้อดีตรงไหนที่สามารถพัฒนาให้ยอดเยี่ยมได้
ในขณะที่รู้เลยว่าเรายังอ่อนตรงไหน ยังมีจุดอ่อนตรงไหนที่สามารถปรับปรุงได้บ้าง
.
ในเรื่องนี้ เอวาเปิดคลิปการแข่งขันนี้ให้น้องปิ๊งปิ๊งดู เมื่อดูแล้วเค้าก็เข้าใจทันที
"การแข่งขันที่ทำให้เราชนะได้ทุกสนาม ยิ่งแข่งก็ยิ่งเก่ง คือ การแข่งกับตัวเอง"
คนคนเดียวที่เราต้องแข่ง ก็คือ ตัวเอง
การแข่งขันให้ชนะ มันไม่ใช่ไปสงสัย มัวมองซ้ายมองขวาว่าคนอื่นเค้าแซงหน้าเราไปไหนแล้ว
จริงๆ แล้วยิ่งไปมองคนอื่น ตัวเราเองนั่นแหละที่จะช้าลง เพราะเสียโฟกัส และเสียกำลังใจ
เราต้องทำให้ตัวเองเก่งมากซะจนไม่ต้องไปกังวลกับอะไรเลย
นั่นแหละค่ะ คือ ถึงจะเรียกว่าชนะทุกการแข่งขันอย่างแท้จริง
สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกมีหัวใจแห่งความสำเร็จ
รัก
เอวา จิตสุทธิภากร
Mompreneur