แชร์สิ่งดีๆ ไว้เรียนรู้ต่อ
ฟังบทความพูดได้ ที่นี่ค่ะ
วันเวลา แต่ละวัน แต่ละปีผ่านไปเร็วจริงๆค่ะ ทำนู่น ทำนี่ แป๊บๆ ก็ผ่านไปอีกวัน อีกเดือน อีกปีแล้ว
นอกจากตระหนักว่าอายุของเรามากขึ้นอีกวันแล้วหรอ
ก็ควรจะลองนั่งลงคิดว่าผ่านไปอีกปีแล้ว ชีวิตเราดีขึ้นมั้ย ควรทำให้มันดีขึ้นอีกได้ยังไง หรือ มีจุดไหนที่แย่ลง และควรปรับตัวยังไงบ้าง
.
ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้วคะ?
ปีนี้เอวาอายุ 39 ปีค่ะ
เคยสัญญากับตัวเองว่า ก่อน 40 ฉันจะต้องประสบความสำเร็จตามที่ฝันไว้ให้ได้
.
ตอนนี้หลายสิ่งที่ฝันก็มองเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ชีวิตกำลังอยู่ในทิศทางที่ดีจริงๆ ค่ะ
.
ที่ต้องรอถึงอายุ 40 ปี
เพราะเอวาปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานโดยไม่เคยมีเป้าหมายชีวิตนั่นเอง
เพิ่งจะมารู้ว่าต้องการอะไร อายุก็ปาเข้าไป 36 ปีแล้ว
.
แทนที่จะนั่งร้องไห้แล้วบอกว่า อายุป่านนี้แล้ว ไม่ทันแล้ว ปล่อยแม่มไปเถอะ ก็คงไม่ได้นะคะ
เพราะเราไม่ได้มีแค่ตัวเองคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
ยังมีครอบครัว มีลูกให้ต้องดูแล มีพ่อแม่ที่รอดูความสำเร็จ มีสามีที่จะจับมือกันไปตลอดชีวิต
.
เมื่อก่อนพอถึงวันเกิด ก็รอว่าจะมีใครมาให้ของขวัญเราบ้าง ความรู้สึกแบบนั้นมันจบไปแล้วค่ะ
เพราะชีวิตนี้เราควรมีไว้เพื่อให้ของขวัญผู้อื่น มากกว่ารอว่าจะมีใครมาให้ของขวัญเรา
.
ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถฝืนกฎของเวลาได้
เราได้รับเวลามาเท่ากัน ดังนั้น จึงต้องมีความสามารถในการใช้เวลาให้มีคุณค่าสูงสุด
.
ถึงแม้เอวาจะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองเมื่ออายุผ่านไปถึง 36 ปี
แต่ก็ไม่ได้มองว่านั่นคือความน่าเสียดายตรงไหน
.
ตรงกันข้าม
กลับรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่ได้ตัดสินใจแบบนั้นในวันนั้น
ยังจำได้ วันที่โอนเงินหลายหลักเพื่อเริ่มต้น
ลงทุนเงินอีกมากมายเพื่อศึกษาเรียนรู้
จุดประสงค์แค่จะเอาเงินจำนวนนั้นคืนกลับมาให้ได้
.
แต่กฎธรรมชาติบนโลกนี้เที่ยงตรงเสมอค่ะ
อะไรที่เราใส่ใจ โฟกัส และให้พลัง เราจะได้รับผลลัพธ์นั้นกลับมาดังที่ใส่แรงไป
.
เอวาไม่ได้แค่เอาเงินที่ลงทุนไปกลับมาได้ แต่ยังได้รับมากกว่านั้นมาก
และทำให้ชีวิตทั้งชีวิตเปลี่ยนไปอย่างดีขึ้นทุกๆ ด้านจริงๆ
เพราะสิ่งที่ได้เรียนรู้
ไม่ใช่แค่รู้วิธีการทำธุรกิจเท่านั้น
แต่ยังได้พัฒนาจิตใจและพัฒนาความสัมพันธ์ด้วย
.
หลักๆ เลยคือ รู้จักสำนึกรู้คุณ
ขอบคุณว่าสิ่งต่างๆ ที่เรามีอยู่ในชีวิตนี้ เราได้รับมาจากความรักของผู้อื่น
ไม่ได้คิดว่าเพราะกรูเก่ง เพราะกรูแน่ เหมือนเมื่อก่อนเลย
.
เอวาโชคดีที่ได้มีได้เป็นอย่างทุกวันนี้
ไม่ใช่เพราะความบังเอิญ
แต่มันเกิดขึ้นทั้งหมดจากการตัดสินใจและความตั้งใจ
.
เมื่อตัดสินใจแล้วว่า จะเป็น Mompreneur ให้ได้
ฉันต้องได้ทุกอย่างสิวะ
ทำไมต้องได้อย่างนั้น แล้วต้องเสียอย่างนั้นด้วย
ฉันไม่ยอม!!
.
นาทีที่คุณตัดสินใจ คือ วันที่ชะตาชีวิตถูกสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว
.
ทุกวันนี้เอวามีชีวิตดีแบบเรียบง่าย มีชีวิตที่ดีตามปกติ แบบที่เคยใฝ่ฝันมาเสมอ
ไม่มีเจ้านาย ไม่ต้องเดินทางไปทำงาน ไม่ต้องส่งใบลาใคร
มีเวลาสะดวกเพื่อลูก สามี และพ่อแม่เสมอ
ไปรับไปส่ง ไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนลูกได้ทุกอย่าง
ดูแลจัดการเงินเอง แม้ว่าสามีสามารถดูแลได้อย่างดี แต่เราก็ภูมิใจที่สร้างรายได้ของตัวเองได้บ้าง
.
ชีวิตแบบนี้ ใครจะมาทำให้เราได้ล่ะคะ? ถ้าเราไม่เลือกให้ตัวเอง
.
วันนี้เอวามีความรู้ระดับสุดยอดมาแบ่งปัน
เชื่อมั่นว่าบทความพูดได้นี้จะทำให้คุณได้คิด ได้สะท้อนตัวเอง และได้ตระหนักถึงสิ่งที่มีความสำคัญ สิ่งที่ควรทำก่อนอายุ 40 กับ Audioblog บทที่ 23 ชื่อเรื่องว่า “40 สิ่งที่ต้องทำก่อนอายุ 40” ค่ะ

1. จบปริญญาทางปัญญาและทางใจ
พอพูดถึงใบปริญญาในยุคนี้ หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องล้าสมัย เพราะเราสามารถร่ำรวย มีฐานะดีได้ โดยไม่เห็นต้องมีใบปริญญา
.
ใช่ค่ะ มีคนร่ำรวยมากมายที่ไม่มีใบปริญญา
แต่การเรียนให้จบปริญญานั้นก็มีข้อดีอยู่มากมาย อย่างน้อยก็ในวันที่เรายังไม่มีกิจการเป็นของตัวเอง
เราสามารถใช้ใบปริญญาไปสมัครงาน เริ่มต้นจากการเป็นลูกจ้างไปก่อน
.
ใบปริญญานั้น ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ
จากชั้นอนุบาลจนจบปริญญา ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 19 ปี ในรั้วโรงเรียนจนถึงมหาวิทยาลัย ซึ่งเราสามารถได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย นอกเหนือจากตำราเรียน คือ การอยู่ร่วมในสังคม และ การทำงานร่วมกับผู้อื่น
.
ภาพถ่ายวันรับพระราชทานปริญญาบัตร เปรียบเสมือนของล้ำค่า ที่ต้องประดับไว้ในบ้านเรือน เป็นตัวแทนความสำเร็จของหนุ่มสาวในขั้นต้น และความภาคภูมิใจของพ่อแม่อีกด้วยค่ะ
.
2. มั่นใจในตนเอง
ถ้าเอวาถามว่า "คุณกล้าพอรึเปล่า ที่จะเปลี่ยนโลกให้มันบิดๆ นิดหน่อยด้วยตัวเรา"
คำตอบที่ได้บ่งบอกถึงระดับความเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะความรู้สึกมั่นใจในตัวเองนี้อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ เป็นสิ่งที่เราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ในวัยเด็ก
.
ความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ใช่ กร่างไปทั่ว หรือ ไม่มีสัมมาคารวะ
แต่ ความเชื่อมั่นในตัวเอง คือ ความตั้งใจที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ แม้ว่าในระหว่างทางอาจจะมีอุปสรรคก็ไม่ย่อท้อ ผลักดันตัวเองจนก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จจนได้
.
หากคุณยังไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในตัวเอง
ขอให้เริ่มสร้างตั้งแต่วันนี้ ด้วย 4 วิธีง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
.
1. พูดกับตัวเองด้วยคำพูดดีๆ ทุกวัน
ตอกย้ำลงไปในจิตใต้สำนึก ฉันเก่ง ฉันสวย ฉันเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยม ฯลฯ คำพูดที่เราได้ยินแล้วรู้สึกดี คิดถึงเป้าหมายบ่อยๆ ในขณะที่ค่อยๆ ตัดความรู้สึกแย่ๆ ออกไปจากชีวิต เท่านี้ก็ทำให้เรามีพลังใจเพิ่มขึ้นมากแล้วค่ะ
.
2. ฝึกการตัดสินใจให้เด็ดขาด รวดเร็ว
การที่เรากล้าตัดสินใจ จะทำให้เราเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะผิดพลาดในบางครั้งก็ไม่เห็นเป็นไร
.
3. ฝึกสมาธิ สูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ
จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เกิดความมั่นใจ เวลาพบปะผู้คน หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจเร่งด่วน
.
4. พาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้กับคนประสบความสำเร็จ
เราคือค่าเฉลี่ยของคนใกล้ตัว 5 คนเสมอ คำแนะนำและกำลังใจที่ได้รับจากคนเหล่านี้ จะสามารถเปลี่ยนให้เราเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองขึ้นมาได้ค่ะ
.
3. สร้างสมองให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
"สมอง" คือ เป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกาย ประกอบไปด้วยเซลล์ประสาทนับพันล้านตัว สมองทำงานตลอดเวลาไม่ว่าเราจะหลับหรือตื่น และสมองก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ที่ต้องได้รับการบริหารอยู่เสมอ
.
คนที่ฉลาดที่สุด คือ คนที่สามารถใช้งานสมองได้มากที่สุด วิธีพัฒนาสมองสามารถทำได้ดังนี้ค่ะ
.
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายจะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองเพิ่มมากขึ้น ควรออกกำลังกายให้หลากหลาย เช่น เต้นแอโรบิก เดิน วิ่ง เล่นโยคะ เดินเท้าเปล่าบนพื้นดินหรือหญ้า
เดินถอยหลังวันละ 50 ก้าว เพื่อให้สมองได้ฝึกฝนทักษะในรูปแบบใหม่ๆ
.
ฝึกควบคุมอารมณ์และจิตใจ ฝึกมองโลกในแง่ดี ชื่นชมคนรอบข้างอยู่เสมอ
คนที่ต้องชื่นชมมากที่สุด คือ ตัวเอง ควรให้รางวัลตัวเองเมื่อทำอะไรได้สำเร็จด้วย
.
เรียนรู้สิ่งใหม่ในทุกๆวัน การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ลองเปลี่ยนร้านอาหารที่เคยทานประจำ อ่านหนังสือเล่มใหม่หรือแนวใหม่ เพื่อให้สมองหลั่งสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้คุณอยากเรียนรู้ และมีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ต้องนอนหลับให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ไม่ควรเกิน 9 ชั่วโมง เพราะการนอนมากไปก็มีผลเสียเช่นกัน
4. มีเพื่อนสนิทหรือเพื่อนแท้
เพื่อน คือ คนที่คอยช่วยเหลือเรา เมื่อคาดหวังเพื่อนแท้และเพื่อนที่ดี เราเองก็ต้องทำตัวเองให้เป็นเพื่อนที่ดีก่อน เพราะตามกฏแรงดึงดูดแล้ว เราจะพบเจอกับคนประเภทเดียวกับเราเสมอ
.
เมื่อมีเพื่อนแท้แล้ว ก็จงรักษามิตรภาพนั้นไว้ให้ดี เพราะเพื่อนที่ดีจะช่วยส่งเสริม
สนับสนุน และเป็นที่ปรึกษาให้เราได้
.
5. ตั้งคำถามที่ดีให้กับตัวเอง เพื่อนำไปสู่คำตอบที่ดี
ฉันคือใคร?
ฉันกำลังทำอะไร?
ฉันต้องการอะไร?
.
คำถามเหล่านี้เคยถามตัวเองบ้างมั้ยคะ?
คนส่วนใหญ่ใช้เวลาหมดไปกับการสนใจเรื่องของคนอื่น จนลืมสนใจเรื่องของตัวเอง ทำให้ชีวิตไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร
.
ชีวิตที่เราเป็นในตอนนี้ คือ คำตอบจากการตั้งคำถามในอดีต
.
เพราะคำถามที่ดีจะทำให้ได้ยินเสียงจากภายใน จะทำให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น
ส่งผลให้เกิดการกระทำ และมีความเปลี่ยนแปลงในชีวิต
.
ความสำเร็จนั้นมาจากการทำตามเสียงของหัวใจ หรือเรียกง่ายๆ ว่า Passion ที่หมายถึงความปรารถนาอันแรงกล้า หากใครไม่มีสิ่งนี้ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้
.
6. แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร
ความล้มเหลว ความผิดพลาด คือ ประสบการณ์ที่ดี
เมื่อเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ให้เป็นบทเรียน เป็นการเรียนรู้ เราก็จะมีพลังผลักดันให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้า เพราะไม่มีใครเกิดมาแล้วทำถูกต้องทั้งหมด ดังคำกล่าวที่ว่า “คนที่ไม่เคยล้มเหลว คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย”
.
อย่ากลัว อย่าท้อ อย่าอาย อย่ากังวล อย่าคิดมาก อย่าขาดกำลังใจ ถึงแม้ว่าเราจะเจอกับสิ่งที่ไม่สมหวัง และเหตุการณ์ไม่ดีต่างๆ แต่จงเสียดายเมื่อเวลาผ่านไปแล้วเราไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย

ความสำเร็จในชิวิตเราไม่ได้มีเพียงแค่การงาน หรือการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านการมีส่วนร่วมในสังคมด้วย
.
จิตอาสา คือ ผู้ที่เอื้อเฟื้อแบ่งปัน แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น หรือสังคมให้เกิดความสุขความเจริญขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความมีอัตตา หรือตัวตนของเราได้ด้วย
.
การมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นนั้นมีความสำคัญมาก ที่จะทำให้สังคมของเราเป็นสังคมที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และความมีน้ำใจจะส่งผลให้เราเจริญก้าวหน้าในชีวิตอีกด้วย
เพราะเมื่อเราช่วยเหลือผู้อื่น ก็จะมีคนคอยช่วยเหลือเราเช่นกัน
.
8. มีกุญแจไขประตูสู่ความสำเร็จ
กุญแจสู่ความสำเร็จ 4 ดอกนี้ เป็นสิ่งที่คนประสบความสำเร็จทุกคนมี นั่นคือ
1. มีความคิดที่แตกต่าง
โลกยุคนี้เป็นโลกของคนที่มีไอเดีย
คนที่กล้าคิด กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ ในทางที่ดีมีประโยชน์ จะได้รับสิ่งตอบแทนมากกว่าเสมอ
.
2. มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คน
การสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะชีวิตของเราทุกขณะล้วนเกี่ยวข้องกับคนทั้งสิ้น
เคล็ดลับที่ง่ายที่สุด ที่ทำให้ผู้คนอยากติดต่อสื่อสารกับคุณ คือ รอยยิ้มและบุคลิกที่ดี
.
3. มีวิธีรับมือกับความล้มเหลว
นับทุกความสำเร็จไม่ว่าจะเล็กน้อยสักแค่ไหน เขียนลงในสมุดทุกๆ วัน
เมื่อไรที่รู้สึกท้อ หรือพบกับปัญหาอุปสรรค ให้กลับไปอ่านบันทึกความสำเร็จนั้น จะรู้ว่ามีเรื่องมากมาย ที่เราเคยทำได้และประสบความสำเร็จมาแล้ว
.
4. รู้ว่าชะตาชีวิตสามารถเปลี่ยนแปลงได้
หลายคนมักคิดว่า เมื่อเราเกิดมาเป็นแบบไหน มีนิสัยอย่างไร ก็จะเป็นแบบนั้นไปตลอด ประโยคฮิตติดหู “ก็ฉันเป็นของฉันแบบนี้”
.
แต่ความจริงคือ เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ค่ะ เริ่มต้นเปลี่ยนที่ความคิด แล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนตาม
.
9. มีบุคคลต้นแบบของความสำเร็จ
การเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ หากเราใช้เวลาลองผิดลองถูกตามลำพัง อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ
.
การศึกษาวิธีคิดของคนที่ประสบความสำเร็จแล้วก็ทำตาม นี่คือสูตรทางลัด
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ก็ให้เลือกนักธุรกิจที่คุณชื่นชอบมาซักคน แล้วก็ศึกษาวิธีคิด วิธีการทำธุรกิจของเค้า นำหลักการ หรือแนวคิดมาปรับใช้ ให้เหมาะสมกับตัวเราค่ะ
.
10. มองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆ
"หากคุณจะข้ามภูเขา ก็อย่าสนใจ อย่าหยุดเมื่อสะดุดก้อนหินเล็กๆ"
.
ในการดำเนินชีวิตหรือการทำงานย่อมมีปัญหา มีบททดสอบเข้ามาให้แก้ไขอยู่เสมอ
คุณควรมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไปบ้าง
ฝึกมองปัญหา ว่าเป็นเรื่องธรรมดา
การเรียนรู้ การยอมรับความผิดพลาดทั้งของผู้อื่นและของตนเอง เปิดใจรับความคิดเห็นที่ต่างกันของแต่ละคน เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จได้

eBook เรื่อง รายได้หลักล้านใต้หลังคาบ้านคุณ
เป็นเจ้าของสูตรลับสร้างรายได้สไตล์ Mompreneur ฟรี ทันที
กดปุ่ม Free Download ค่ะ
11. มีงานที่ใช่และงานที่รัก
คุณคงเคยได้ยินมาว่า ให้เลือกทำงานที่รัก จึงจะประสบความสำเร็จ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ
แต่หากวันนี้งานที่เรารัก ยังไม่สร้างรายได้ เราก็ควรมีงานที่ใช่ หมายถึงงานที่สร้างรายได้ด้วย
.
เช่น ตอนนี้คุณทำงานเป็นพนักงานประจำ คุณอาจจะไม่ได้ชอบเท่าไร แต่ขอให้พึงระลึกไว้เสมอ ว่างานนี้ช่วยให้คุณมีรายได้เลี้ยงครอบครัว ต้องทำอย่างเต็มที่ ทำเกินเงินเดือนที่ได้รับ
.
ในขณะเดียวกันก็หาเวลาว่างหลังเลิกงาน หรือวันหยุด มาทำงานที่รัก แล้วค่อยๆ ขยายให้ใหญ่ขึ้น จนงานที่รักสร้างรายได้มากพอ
ถึงเวลานั้นจะเลือกทำงานที่ใช่ต่อ หรือทำงานที่รักให้เต็มที่ ก็ยังไม่สายค่ะ
.
12. 40 ก็ไม่สายถ้าจะเริ่มต้นใหม่
ไม่มีคำว่าสายที่จะเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่เรารัก
มีคำกล่าวว่า Life Begins at 40s หมายถึงชีวิตเริ่มต้นที่อายุ 40 เพราะเกือบ 20 ปี ของการทำงานที่ผ่านมา เราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากพอสมควร มีเงินมีทองเก็บหอมรอมริบไว้พอสมควรที่จะเริ่มธุรกิจอะไรซักอย่างที่เป็นของเราเองได้แล้ว
.
คนวัยนี้ยังมีความฝัน มีความมุ่งมั่น และสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ เมื่อพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาแสดงศักยภาพในตัวคุณให้โลกได้รับรู้ค่ะ
.
13. สร้างธุรกิจของตัวเอง
สิ่งที่นักธุรกิจทุกคนต้องมีคือ หัวใจของความยืนหยัด
กล้าเผชิญปัญหา กล้ารับความท้าทาย และพร้อมพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
.
Audioblog ทุกๆ เรื่องของเอวา เหมาะมากที่คุณจะให้เวลาเพื่ออ่านและฟัง มีทั้งวิธีการ และ วิธีคิดในการทำธุรกิจ
.
เอวามีผลงานความรู้หลายอย่างที่เปรียบเสมือนทางลัดให้คุณเข้ามาศึกษาเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจที่เอวาอยากสนับสนุนให้คุณทำ คือ การสอนคอร์สออนไลน์เพื่อให้ความรู้ในเรื่องที่เราถนัดค่ะ
.
ธุรกิจนี้ใช้เวลาน้อย ลงทุนน้อย ทำครั้งเดียวขายได้ตลอด และที่สำคัญกำไรเยอะมากเพราะแทบไม่มีต้นทุน
.
ถ้าคุณกำลังสนใจอยากสอนเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่รักและถนัดให้ผู้อื่นเก่งขึ้นได้ด้วย add Line @avamompreneur คลิกที่นี่ แล้วพิมพ์มาว่า “คอร์สออนไลน์” นะคะ
คุณจะได้รู้รายละเอียดและราคาพิเศษสุดทันทีที่เอวาเปิดรับสมัครอีกครั้งค่ะ

14. คว้าโอกาสที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
โอกาส ไม่ต่างอะไรกับ สายน้ำ เพราะเมื่อปล่อยให้ผ่านไปแล้ว ก็ยากที่จะเรียกคืนกลับมาได้
.
"โอกาส" ไม่ได้มีมาบ่อยๆ และส่วนใหญ่ก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว หน้าที่ของเรา คือ เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเปิดรับโอกาสอยู่เสมอ
.
ฝึกสายตาและทัศนคติ ให้เป็นคนมองเห็นโอกาสอยู่เสมอ แล้วคุณจะได้พบกับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตมากมาย
คนบางคน เห็นโอกาสเสมอ แม้ตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ
คนบางคน เห็นโอกาสเมื่อมีคนหยิบยื่นให้
คนบางคน มีโอกาสเข้ามาทั้งชีวิต แต่ก็ไม่เคยมองเห็นเลย
.
15. อ่านหนังสือ เพื่อเพิ่มความรู้และสร้างภูมิปัญญา
มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถอ่านและทำความเข้าใจกับความหมายที่ลึกซึ้งในหนังสือได้ สิ่งนี้จึงทำให้มนุษย์มีพัฒนาการเหนือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
.
เด็กๆ มีเส้นใยประสาทในสมองมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า
และเมื่ออายุมากขึ้น เส้นใยสมองที่ไม่ได้ใช้งานจะหายไป
ดังนั้น การอ่านจะช่วยให้เส้นใยประสาทในสมองคงอยู่ เราจึงควรอ่านหนังสืออยู่เสมอ
.
เมื่ออ่านหนังสือมีความรู้แล้ว ควรนำความรู้นั้นมาลงมือทำด้วย
ความเชี่ยวชาญไม่ได้เกิดขึ้นจากการอ่านเพียงอย่างเดียว แต่เกิดหลังจากรู้แล้วลงมือทำจนกลายเป็นความชำนาญเท่านั้น
.
16. มีที่ปรึกษา
การทำสิ่งใดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ จำเป็นต้องมีที่ปรึกษา เพื่อให้เค้าช่วยเหลือแนะนำ ช่วยคิดเพื่อความรอบคอบ แบบนี้ย่อมดีกว่าคิดเอง ทำเองคนเดียวแน่นอน
.
ที่ปรึกษา หรือ Mentor จึงสำคัญมาก เหมือนกับในเรื่องสามก๊ก ที่เล่าปี่มีขงเบ้งเพียงคนเดียว ก็รบชนะทั้งกองทัพ
.
ที่ปรึกษา คือ ผู้ที่มีประสบการณ์ ประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นๆ คอยชี้แนะแนวทางต่างๆ เพื่อให้เราไปถึงเป้าหมาย โดยมีความผิดพลาดน้อยที่สุด
.
การมีที่ปรึกษาที่ดี ก็เหมือนมีเข็มทิศและคัมภีร์ความสำเร็จติดตัว วันนี้คุณมีแล้วหรือยัง ถ้ายังก็รีบหาซะเลยนะคะ
.
17. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คน เพื่อเปิดประตูสู่ความสำเร็จ
เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ หรือ Connection เราอาจจะคิดว่า ฉันจะไปหาจากที่ไหนล่ะ?ฉันไม่ได้รู้จักกับเศรษฐี หรือคนมีหน้ามีตาในสังคมซักคน
.
จริงๆ แล้ว Connection คือ การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบๆ ตัว ของเรานี่เองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงาน หรือในยุคนี้ก็เพื่อนใน Social
อย่ามองข้ามความสำคัญของทุกคนที่เข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะคนที่เราคิดว่าไม่มีโอกาสช่วยเหลือเรา บางครั้งเค้าก็สามารถนำพาโอกาสมาให้เราได้
.
Connection เปรียบเสมือนต้นไม้ ที่เราต้องดูแลรักษาให้ดี รอวันที่จะเติบโตงอกงาม และถึงวันที่ให้ร่มเงากับเราได้ค่ะ

18. เป็นขวัญใจมหาชน
การอยู่บนโลกใบนี้ มีเพื่อนเป็นพันเป็นหมื่น อาจถือว่าน้อย แต่หากมีศัตรูซัก 1 คน ก็ถือว่ามากแล้ว
.
เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร
คนที่เราไม่ชอบหน้าในวันนี้ อาจเป็นใหญ่เป็นโตในวันหน้า หรือเราอาจต้องขอความช่วยเหลือจากเค้าก็ได้
.
ดังนั้นจงรักและทำดีกับทุกๆ คนที่เข้ามาในชีวิต อย่าคิดเป็นศัตรูกับใคร หากทำใจให้รักไม่ได้ ก็อยู่ห่างๆ ไม่ต้องเกลียดกันก็พอค่ะ
.
19. มีแรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจหมายถึง พลังที่ใช้ในการขับเคลื่อนภายใน ที่ผลักดันให้เราทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ โดยไม่ต้องอาศัยแรงจูงใจจากภายนอก
.
วันนี้เอวามี 3 วิธี สร้างแรงบันดาลใจ เป็นเรื่องง่ายๆ ที่คุณทำได้ภายในวันนี้เลยค่ะ
1. การตั้งเป้าหมาย เขียนเป้าหมาย
ด้วยกฏของแรงดึงดูด หากเราคิดถึงสิ่งใดเป็นประจำ เราก็จะกลายเป็นสิ่งนั้น และขยับภาพฝันเหล่านั้นมาใกล้ตัว
ดังนั้นจงเขียนเป้าหมาย แล้วคิดถึงมันบ่อยๆ คิดแล้วก็ลงมือทำด้วยนะคะ
.
2. เลือกรับสื่อที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ
การอ่านหนังสือชีวประวัติของผู้นำต่างๆ หรือคนที่ประสบความสำเร็จ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ดีมากๆ
สำหรับยุคนี้ที่เรามีเวลาอ่านหนังสือน้อยลงจะเปลี่ยนมาฟัง AudioBook ระหว่างเดินทางก็ได้ค่ะ
.
3. หาบุคคลต้นแบบหรือบุคคลตัวอย่าง
มองหาบุคคลที่เราอยากจะมีชีวิตแบบเค้า ก็เป็นอีกทางที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้
.
20. ติดเบรกให้ชีวิตการทำงาน
การทำงานอย่างทุ่มเทนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เราต้องไม่ลืมว่า ชีวิตไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น
.
หลายคนทำงานอย่างบ้าคลั่ง ทำงานแบบไม่มีวันหยุด พักร้อนไม่เคยใช้ หรือแม้กระทั่งบ้านที่ต่างจังหวัดก็ไม่กลับ จนในที่สุดตัวเองก็ล้มป่วยลง และเงินที่หามาได้ก็ถูกใช้ไปกับการรักษาตัว ซึ่งไม่คุ้มที่จะแลกเลยแม้แต่นิดเดียว
.
ครอบครัวคือคนสำคัญที่คอยอยู่เคียงข้างไม่ว่าสุขหรือทุกข์ จงให้เวลากับครอบครัว
และเรื่องอื่นในทุกด้านของชีวิตเท่าๆ กับงาน ก่อนที่จะสายเกินไปค่ะ

21. เก็บก่อน รวยก่อน
ใครที่ใช้เงินแบบไม่คิด ชีวิตต้องถังแตกซักวันแน่นอนเลยค่ะ
ให้ลองคิดดูว่าหากช่วง 6 เดือนนี้ ไม่มีรายได้เลย เราจะยังมีเงินดำรงชีวิตอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่ล่ะก็ ชีวิตคุณอันตรายแล้วล่ะค่ะ
.
การออมเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิต
ควรเก็บออมอย่างน้อย 10% ก่อนเสมอ อย่าคิดว่าเหลือก่อนแล้วค่อยเก็บ เพราะส่วนมากไม่เหลือให้เก็บหรอกค่ะ
.
เงินเก็บ 10% นี้ ห้ามนำมาใช้จ่ายเด็ดขาด แต่ให้นำไปลงทุนในสถาบันที่เราสบายใจ เพื่อให้เงินก้อนนี้เติบโตเป็นห่านทองคำ เป็นต้นไม้แห่งความมั่งคั่งที่จะออกดอกออกผลมาให้เราได้ในอนาคตค่ะ
.
22. ใช้ชีวิตแบบ “เศรษฐี”
เรามาดูกันดีกว่าว่า “เศรษฐี” ตัวจริง เค้าใช้ชีวิตกันแบบไหน ดูแล้วก็เอาไปปรับใช้กันนะคะ
ใช้เงินน้อยกว่าที่หาได้
ชำระบัตรเครดิตเต็มจำนวนทุกเดือน (เศรษฐีตัวจริงหลายคนไม่ใช้บัตรเครดิต)
จ่ายให้ตัวเองก่อนเสมออย่างน้อย 10%
นำเงินเก็บที่ได้ไปลงทุนให้งอกเงย
ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการจริงๆ ไม่ใช่เพื่ออวดใคร
.
วันนี้คุณใช้ชีวิตแบบไหนอยู่คะ?
เป็นแบบชีวิต “เศรษฐี” ตัวจริงหรือเปล่า ลองถามตัวเองดู ถ้าไม่ใช่ก็ขอให้รีบปรับเปลี่ยนด่วนเลยนะคะ
.
23. “ปลดหนี้” สู่อิสรภาพทางการเงิน
การมีภาระหนี้สินอยู่ เป็นสิ่งหนึ่งที่ฉุดรั้ง ทำให้เราไม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ
เพราะกลัวว่าจะกระทบกับรายได้ ที่ต้องนำไปจ่ายหนี้สินด้วย
ทำให้ตัดสินใจคลาดเคลื่อน เพราะบางครั้งต้องทำงานนี้ เพราะเรื่องเงิน ไม่ใช่ว่าทำเพราะอยากทำจริงๆ
.
ดังนั้นต้องหาทางปลดหนี้ให้หมดโดยเร็ว เพราะเงินของเราคงไม่สามารถงอกเงยขึ้นมาได้ หากมัวแต่ผ่อนชำระหนี้สินอยู่
.
การชำระหนี้ ให้เลือกชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงๆ ก่อน และรีบกำจัดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น ค่าผ่อนสินค้าต่างๆ
.
สำคัญที่สุด ต้องไม่สร้างหนี้ใหม่เพิ่มเด็ดขาด ฝึกควบคุมความอยากให้เป็นความเคยชิน ถ้ามีเงินไม่พออย่าซื้อ แค่นี้ก็จบแล้วค่ะ
.
อิสรภาพทางการเงินรอคุณอยู่นะคะ
.
24. มองหาเครื่องผลิตเงิน
Passive Income หรือ รายได้อัตโนมัติที่ผลิตเงินมาให้เราเสมอโดยที่ไม่ต้องออกแรงทำงานอีกแล้ว
.
มีหลายอย่างเลยที่สามารถเป็นเครื่องผลิตเงินได้ อย่างเช่น…
เงินปันผล จากการลงทุนในหุ้น กองทุน ธุรกิจต่างๆ
ค่าคอมมิชชั่น เช่น ธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจประกันชีวิต
ค่าเช่า เช่น บ้านเช่า คอนโด หน้าร้านให้เช่า เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ
คอร์สออนไลน์, EBook, Audiobook หรือ ผลงานความรู้ต่างๆ ที่ทำครั้งเดียวแต่สามารถขายได้ตลอดไปค่ะ

eBook เรื่อง รายได้หลักล้านใต้หลังคาบ้านคุณ
เป็นเจ้าของสูตรลับสร้างรายได้สไตล์ Mompreneur ฟรี ทันที
กดปุ่ม Free Download ค่ะ
25. มีประกันชีวิต เพิ่มความมั่นคง
เราต้องทำให้ความเสี่ยงเป็นความปลอดภัย
การทำประกันชีวิต คือการสร้างหลักประกันชีวิตให้กับตัวเราและครอบครัว ในวันที่ป่วยไม่มีรายได้ โดยเฉพาะหากเราเสียชีวิตไปก่อนเวลาอันควร
.
การทำประกันชีวิต ถือเป็นสิ่งจำเป็น ที่ช่วยให้มีเงินสำรองใช้ในยามฉุกเฉินไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆ เกิดขึ้น
.
ประกันชีวิตแบบออมเงิน ยังช่วยให้มีเงินออมในระยะยาว เมื่อครบกำหนดสัญญาก็มีเงินทุนก้อนหนึ่งมาทำอย่างอื่นได้ และค่าเบี้ยประกันชีวิตยังนำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย
.
26. หยุดตักตวง แล้วเปลี่ยนมาเป็นผู้ให้
Bill Gates เศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ตั้งแต่อายุ 39 ปี คือ ตัวอย่างของเศรษฐีผู้ใจบุญ
.
เงินส่วนใหญ่ของเขาถูกใช้ในงานกุศล เขาก่อตั้งมูลนิธิที่มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ บริจาคเงินให้กับโครงการการกุศลในสหรัฐ และอีกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
.
“ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ” ยิ่งเราช่วยเหลือผู้อื่น ยิ่งนำมาซึ่งความสุขในจิตใจของตัวเราเอง ยิ่งทำให้กิจการของเราเจริญรุ่งเรือง เพราะได้รับการสนับสนุนจากผู้คน
.
วันนี้เราสามารถเริ่มแบ่งปันน้ำใจ แรงกาย ทรัพย์สินเล็กๆ น้อย เพื่อเติมเต็มในจิตใจของตัวเองได้เลยทันที โดยไม่ต้องรอให้รวยล้นฟ้าก่อนแล้วค่อยให้
.
27. สอนลูกเรื่องการเงิน
เรื่องการเงินเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก และเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ที่ต้องสอนลูกด้วยตัวเอง
.
สอนให้ลูกใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขนม ของเล่น รู้จักหักห้ามใจหากมีเงินในกระเป๋าไม่พอจ่าย
.
สอนให้ลูกรู้จักการออม อธิบายให้ลูกเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมต้องมีการออม นอกจากลูกจะมีเงินออมแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังนิสัยการเงินที่ดีให้กับลูกด้วย
.
พ่อแม่ คือ ตัวอย่างให้กับลูกได้ดีที่สุด ทั้งการสั่งสอนเป็นคำพูดและพฤติกรรมการเงินของพ่อแม่เอง
.
28. มีคำพูดที่ทรงพลังให้ตัวเอง
ความมั่งคั่งและความสุขเริ่มต้นที่คำพูด
คำพูดทุกคำที่พูดกับตัวเอง มีผลต่อชีวิตเราอย่างมาก
.
ทุกครั้งที่พูด ทั้งพูดออกมาจริงๆ หรือ พูดในใจ คำพูดเหล่านั้นจะถูกฝังลงในจิตใต้สำนึก และมันจะคอยเตือนสมองของเรา ให้คิดและเชื่อว่า “มันคือความจริง”
.
ฉันคือคนมั่งคั่งร่ำรวย
ฉันมีงานที่รัก
ฉันมีความสุขทุกๆ วัน
ฉันเป็นที่รักของทุกๆ คน
.
คำพูดที่เราพูดกับตัวเอง จะส่งผลให้เกิดการกระทำที่สอดคล้องกัน เราจะเริ่มพัฒนาตัวเองในได้ทุกๆ ด้าน
ลองทำดูนะคะ การสร้างสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิต บางครั้งก็เป็นเรื่องง่ายจนเราคาดไม่ถึง

29. มีทัศนคติที่ถูกต้องเรื่องเงิน
เงินเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ที่ช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ แต่ต้องแยกให้ออกระหว่าง “เงิน” กับ “ความสุข”
.
การมีเงินเยอะๆ ไม่ใช่ต้นเหตุของความสุขเสมอไป
มีเงินเยอะหรือน้อย ก็มีความสุขได้
มีเงินเยอะหรือน้อย ก็มีความทุกข์ได้
.
การที่จะมีความสุขหรือไม่นั้น ตัวแปรสำคัญคือ ตัวเราเอง เมื่อมีความสุขกับสิ่งที่ได้รับ และพัฒนาตัวเองขึ้นทุกวัน
ไม่ใช่แค่เรื่องการเงินเท่านั้น แต่เราจะเป็นผู้มั่งคั่งทุกๆ ด้านของชีวิตเลยทีเดียว
.
30. อย่าทำตัวยุ่งเกินไปจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องสำคัญมาก
ร่างกายที่แข็งแรง เกิดจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตั้งแต่วันที่ยังแข็งแรงอยู่นี่แหละค่ะ
.
มีเศรษฐีหลายคนเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย และมีอีกหลายคนที่ใช้ชีวิตเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล
เงินถูกยกให้คนอื่น หรือถูกใช้ไปกับการรักษาตัว เป็นเรื่องจริงของใครหลายคนและไม่ใช่เรื่องตลก
.
ลองถามตัวเองดีๆ ว่าเรายุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ หรือ เราจัดเวลาไม่เป็นกันแน่
.
เขียนสิ่งที่ต้องทำทั้งวันออกมา มันใช้เวลาเท่าไร ที่เวลาหมดไปเพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่รึเปล่า
.
เวลาเป็นสิ่งที่ทุกคนมีเท่ากัน การจัดสรรเวลาเป็นทักษะหนึ่งของคนประสบความสำเร็จ
หากเราไม่จัดเวลาไปออกกำลังกาย หมายถึง เรามองว่าเรื่องสุขภาพมันไม่สำคัญ เป็นแบบนี้แล้วพอถึงเวลาที่ป่วย มันก็อาจจะสายเกินไปก็ได้นะคะ
.
31. มีคู่ครองที่เป็นคู่ชีวิต
การเลือกคู่ครองนั้นสำคัญมาก
ถ้าตัดสินใจผิด ชีวิตคู่ก็จะล่มสลายในเวลาไม่นาน หรือไม่ก็ต้องทนอยู่อย่างทุกข์ระทมไปตลอดชีวิต
.
คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิต นอกเหนือจากความหล่อสวย ตรงกับใจแล้ว ยังต้องเป็นคู่หู คอยสนับสนุน ให้กำลังใจ เป็นคนที่เราอยู่ใกล้ๆ แล้วมีความสุขอีกด้วย
.
คู่ชีวิตจะต้องมีนิสัยใกล้เคียงกัน ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด ส่วนที่แตกต่างกันก็สามารถยอมรับกันได้ อยู่ด้วยกันอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน
.
ที่สำคัญที่สุด คือ คุณและเขามีความรัก ความซื่อสัตย์ให้แก่กัน เพราะหากมีความรักอยู่ฝ่ายเดียว ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขได้
.
เหนือสิ่งอื่นใด อยากได้คู่ชีวิตที่ดี เริ่มที่ตัวเราเองต้องเป็นคู่ชีวิตที่ดีก่อนนะคะ
.
32. มีวันของครอบครัว
ทุกวันนี้เราทำงานหนักเพื่อใคร?
เพื่อตัวเรา เพื่อครอบครัวและคนที่เรารักใช่มั้ยคะ?
.
แต่ครอบครัวไม่ได้ต้องการเพียงแค่เงินเท่านั้น พวกเค้าต้องการเราด้วย
.
คุณพาลูกไปเที่ยวนอกบ้านบ้างหรือเปล่า?
คุณทานข้าวกับครอบครัวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?
.
อย่าทุ่มเทชีวิตให้กับงานจนมีปัญหาครอบครัว
เพราะเมื่อมีปัญหาครอบครัว เราก็จะทำงานอย่างไม่มีความสุข
และเราก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากชีวิตครอบครัวล้มเหลว
.
การจัดสรรเวลาให้ครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ รักษาสมดุลระหว่างงานกับครอบครัวให้ได้ นี่ก็เรียกได้ว่าเราเป็นประสบความสำเร็จคนหนึ่งแล้วค่ะ
33. มีความกตัญญูในหัวใจ
ความกตัญญูเป็นพื้นฐานของคนดี และ ความกตัญญูยังเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่งคั่งทั้งปวง
คนที่มีความกตัญญูรู้คุณ คนที่สำนึกรู้คุณต่อสิ่งต่างๆ ที่ตัวเองมี ผู้นั้นย่อมมีแต่ความสุขความเจริญ
.
พ่อแม่อยู่เคียงข้างลูกเสมอ
ในวันที่ลูกมีปัญหา พลาดพลั้ง ก็คอยช่วยเหลือ เป็นกำลังใจให้ลูกจนกระทั่งผ่านพ้นวิกฤต และยืนหยัดไปสู่ความสำเร็จในชีวิต
.
วันนี้เราได้ตอบแทนพระคุณท่านทั้ง 2 แล้วหรือยัง?
ทำได้โดยการให้เวลากับท่านมากๆ ไปเยี่ยมท่านในวันหยุด พาหลานๆ ไปหา ไปทานข้าว ไปเที่ยวด้วยกัน เพียงเท่านี้ท่านก็มีความสุขแล้ว
.
ตอนนี้พวกเราเป็นพ่อแม่กันแล้ว
เราไม่ได้หวังอะไรจากลูกมากนักหรอกค่ะ แค่เห็นเค้าเติบโตอย่างมีความสุขมั่งคั่งในชีวิต แค่นี้ก็ภูมิใจและชื่นใจที่สุดแล้ว
.
นอกจากพ่อแม่แล้ว ตลอดเส้นทางแห่งความสำเร็จ ก็ยังมีผู้คนมากมายที่ได้ให้ความช่วยเหลือเรา
ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คู่ค้า ครู เพื่อนๆ อย่าลืมระลึกถึงพวกเค้า และตอบแทนบุญคุณเมื่อมีโอกาสด้วยนะคะ
.
34. มีสุขภาพดี
เฉพาะสุขภาพที่ดีเท่านั้นที่จะช่วยพาเราเดินไปถึงความสำเร็จ และได้อยู่ชื่นชมความสำเร็จของตัวเอง
.
หลายคนใช้ชีวิตแบบทำลายสุขภาพ ทำงานหนักไม่รู้จักคำว่าพักผ่อน
พอวันหยุดก็จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เป็นแบบนี้วนไปไม่รู้จบ
.
พอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนสุขภาพไม่แข็งแรง มีโรคต่างๆ รุมเร้า เมื่อคิดได้ก็สายไปซะแล้ว เงินที่หามาได้ก็ต้องนำมาจ่ายให้กับการรักษาตัว
.
หันกลับมาดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้กันเถอะค่ะ
พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีอะไรยากเกินไปเลยค่ะ เมื่อตัดสินใจแล้วทำให้มันดี
.
35. ไปเที่ยวในที่ที่อยากไป
ช่วงวัยนี้เรายังมีร่างกายแข็งแรง จะขึ้นเขา เดินป่า ขับรถไปเที่ยวทะเล ร่างกายก็ยังไหว
.
การได้ออกไปเห็นโลกกว้าง เห็นสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่าง ยังช่วยจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ให้กับเราได้อีกด้วย หลายครั้งมาก เรียกว่าแทบทุกครั้งเลย ที่เอวามีความคิดดีๆ ไอเดียดีๆ ปิ๊งขึ้นมาในช่วงเวลาที่ได้ไปเที่ยว เพราะสมองที่ผ่อนคลายนั่นเองค่ะ
.
ต่างประเทศ ก็เป็นสถานที่ที่ควรจะไปเปิดหูเปิดตาให้ได้
ลองคิดว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ จะไปเมื่อไหร่ เพื่อจะได้รู้ว่าต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไหร่ แล้วเก็บเงินจำนวนนี้ทุกเดือน พอครบกำหนดก็จะได้เดินทางแน่นอนค่ะ
.
36. ทำสมาธิเพื่อเรียกสติ
ในสมองของเรามีความคิดแล่นผ่านตลอดเวลา
หากไม่มีสติ ความคิดนั้นอาจจะทำให้เราฟุ้งซ่าน เกิดความรู้สึกเครียด กังวล ขึ้นมาได้
.
เราจึงควรฝึกสติด้วยการนั่งสมาธิ
การทำสมาธิมีประโยชน์มากมาย เอวาอยากแบ่งปัน 7 ข้อดีของการนั่งสมาธิ ที่เมื่อรู้แล้วคุณน่าจะรีบลุกขึ้นมานั่งสมาธิได้อย่างแน่นอนค่ะ
.
1. สมาธิดีต่อระบบการหายใจ ร่างกายจะลดการใช้ออกซิเจนและการเต้นของชีพจร
2. สมาธิมีผลต่อการเผาผลาญ ร่างกายสงบแต่พร้อมปฏิบัติหน้าที่
3. สมาธิช่วยให้ความจำดีขึ้น
4. สมาธิมีผลต่อความดันโลหิต ทำให้หัวใจทำงานหนักลดลง
5.สมาธิทำให้สมองสั่งให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานได้ดีขึ้น
6.สมาธิทำให้คลื่นสมองทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
7. สมาธิจะช่วยให้สมองควบคุมอารมณ์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
สมาธิช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้าน เพียงแค่นั่งสมาธิวันละ 15 นาทีเท่านั้นเองค่ะ
37. อยู่กับปัจจุบัน
อดีต คือ เวลาที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ส่วนอนาคต คือ สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
.
การที่เรามีสติอยู่กับปัจจุบัน ทำให้การตัดสินใจและการทำงานมีประสิทธิภาพ
ส่งผลให้งานออกมาดี ชีวิตก็มีความเจริญก้าวหน้า
.
ผู้คนส่วนใหญ่เมื่อเจอปัญหาหรืออุปสรรค
จะหวนคิดถึงความผิดพลาดเก่าๆ มาตอกย้ำซ้ำเติม ทำให้เสียเวลา เสียโอกาสในการคิดแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น
.
ชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป และเดินต่อไปในทางที่ดีขึ้น จงเรียกสติให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน แล้วทำวันนี้ให้ดีที่สุด ดีกว่าค่ะ
.
38. รักตัวเองให้เป็น
คนที่เราต้องรักมากที่สุด คือ “ตัวเอง” เพราะถ้าเราไม่รักตัวเอง เราไม่สามารถรักใครได้เลยในชีวิตนี้
เมื่อเรียนรู้รักตัวเองเป็นแล้ว คุณถึงจะสามารถเผื่อแผ่ความรักไปให้คนอื่นได้
.
การที่เรารักตัวเอง ทำให้เข้าใจว่าเราต้องการอะไรจริงๆ ทำตามที่หัวใจต้องการ รวมทั้งพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
.
คนที่ต้องการความรักจากคนอื่น โหยหาความรักจากผู้อื่น จนแสดงออกต่างๆนานาเพื่อเรียกร้องความรักนั้น จะยิ่งไม่ได้รับความรัก เพราะขนาดตัวเองยังไม่รัก ยังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเลย จะหวังให้ใครมารักก็คงยากค่ะ
.
เมื่อรักตัวเองเป็น เราก็จะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ความเข้าใจซึ่งกันและกันมีจุดเริ่มต้นจากการรักตัวเอง
ยิ่งเรารักตัวเองมากเท่าไร เราจะแบ่งปันความรักสู่คนรอบข้างได้มากเท่านั้นค่ะ
.
39. ดูแลจิตใจของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ
ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น มองว่าดี หรือมองว่าร้ายอยู่ที่จิตใจเสมอ
จิตใจเป็นกุญแจดอกสำคัญที่สุด หากไขออกไม่ได้ กุญแจอื่นๆ ก็ไม่มีวันถูกไขออก
.
ก่อนนอนทุกวัน ควรทบทวนเรื่องที่ผ่านมาทั้งวัน มีตอนไหนที่ควรปรับปรุงแก้ไข ตอนไหนที่เราทำได้ดี เพื่อเป็นการเรียนรู้จิตใจของเราเอง
.
การเคลียร์ใจตัวเองทุกวัน ไม่เก็บสะสมเรื่องเก่าๆ ที่ไม่ดีให้คาใจ เก็บไว้เพียงเรื่องดีๆ ให้เป็นพลังใจ แค่นี้ก็ทำให้เรารู้สึกสดชื่น มีแรงบันดาลใจในชีวิตได้แล้วค่ะ
.
ดูแลรักษาดวงใจนี้ให้ดี ความสุขดึงดูดความสุข หัวใจที่สดใสก็จะนำพาให้หัวใจดวงที่อยู่ใกล้ๆ สดใสตามไปด้วย
ที่จริงแล้ว ความสุขไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลหรอกค่ะ ความสุขอยู่ในจิตใจของเรานี่เอง
.
40. มีความสุขตอนนี้เลย
ความสุข คือ ทักษะที่เราสามารถฝึกได้ค่ะ
ฝึกมีความสุข ก็เหมือนฝึกพิมพ์ดีด ฝึกร้องเพลง หรือ ฝึกขับรถ นั่นหมายความว่า ยิ่งเราให้เวลากับการฝึกมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเก่งมากขึ้นเท่านั้น
.
ข้อที่ 40 ข้อสุดท้ายที่เอวาอยากฝากคุณไว้ในวันนี้
ค่าเฉลี่ยมาตรฐานคนเรามีอายุขัยไม่เกิน 100 ปี ตอนนี้อายุของพวกเราล่วงเลยมา 1 ใน 3 ของชีวิตแล้วค่ะ
.
นานแค่ไหนแล้ว ที่คุณเลื่อนความสุขออกไปให้ไกลขึ้น ไกลขึ้น จนทั้งชีวิตก็แล้ว ยังหาความสุขไม่ได้เลย
.
เวลาของเรามีแค่เวลาเดียว คือ เวลานี้ และเวลานี้ คือ เวลาแห่งความสุขของเรา
.
ความสุขจะนำพาความร่ำรวย ความมั่งคั่ง เข้ามาได้ เพราะทุกอย่างเริ่มมาจากความสุข
.
เราอยากมีบ้าน มีรถ อยากรวย อยากทำงานที่ชอบ อยากแต่งงานกับคนดีๆ อยากแข็งแรง
เพราะอะไรคะ?
เพราะเราเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นจะนำความสุขมาให้
.
จริงๆ แล้ว เป้าหมายหลักของชีวิตมนุษย์ มีเป้าหมายเดียว คือ มีความสุข
.
เพราะฉะนั้น ก็แค่ตัดสินใจมีความสุขไปเลยสิ ก็จบแล้วไง
แล้วความสุขนั่นแหละจะดึงเอาความร่ำรวยเข้ามาหาเรา
.
ใช่ฉันมีความสุขแล้ว แต่ก็ยังปรารถนาความก้าวหน้า อยากเติบโตต่อไป อยากสร้างคุณค่าให้ตัวเองและผู้อื่นเพิ่มเติมอีก ยังอยากเรียนรู้เพิ่มอีก ยังอยากแก้ปัญหาอะไรให้ผู้คนเพิ่มอีก
.
แล้วจะทำยังไงให้รู้สึกมีความสุขตอนนี้ได้เลย?
.
ง่ายมากกกกกกค่ะ
คือ การสำนึกรู้คุณ การขอบคุณ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ขอบคุณทุกสิ่งที่มองเห็น ขอบคุณล่วงหน้า ขอบคุณทุกอย่างที่ผ่านมา
.
ก่อนหลับตานอน ตั้งใจขอบคุณ ทำให้จิตอยู่ในห้วงแห่งความสุข
เมื่อเราหลับไปพร้อมกับความสุข เวลาตื่นเราก็จะมีความสุข
ระหว่างที่หลับ จิตใต้สำนึกทำงานตลอดเวลา มันจะทำงานอยู่ในคลื่นแห่งความสุขแบบนั้น
.
พอตื่นเราก็ขอบคุณอีก
ทุกๆ วัน เราจบวันด้วยความสุข พอเริ่มวันใหม่ ก็เริ่มด้วยความสุข อิ่มเอิบ ทีนี้ทั้งวันเราก็จะรอบล้อมไปด้วยความสุข ชีวิตจะยิ่งมีความสุขมากยิ่งขึ้นอีก
.
จงมีความสุขในขณะนี้ มีความสุขตอนนี้ ทันที
นี่แหละค่ะ คือ เคล็ดลับของชีวิต
ดาวน์โหลดบทความไว้อ่าน คลิกที่นี่
ฟังบทความพูดได้ ทาง Youtube คลิกที่นี่
ดาวน์โหลดฟรี EBook รายได้หลักล้านใต้หลังคาบ้านคุณ คลิกที่นี่
ขอให้ทุกวันของคุณ คือ วันแห่งความก้าวหน้าค่ะ
รัก
เอวา จิตสุทธิภากร
Mompreneur