แชร์สิ่งดีๆ ไว้เรียนรู้ต่อ
ฟังบทความพูดได้ คลิกฟังที่นี่ค่ะ
J.K.Rowling กล่าวไว้ว่า “สิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายจะเกิดขึ้น เมื่อได้อ่านหนังสือดีๆซักเล่ม ”
คุณเห็นด้วยมั้ยคะ?
เอวาเชื่อว่ามันจริงแบบไม่มีข้อโต้แย้งเลย การอ่านหนังสือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งที่เอวาชอบมาก
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้มีวิธีการเรียนรู้หลายอย่างแล้ว ทั้ง ฟังออดิโอบุค หรือ สัมมนาออนไลน์ แต่ยังไง การได้นั่งลงหยิบหนังสือซักเล่มขึ้นมาอ่าน ก็ยังคงเป็นความรู้สึกผ่อนคลาย อย่างบอกไม่ถูกค่ะ
และวันนี้เอวาก็มีหนังสือที่เป็น 10 สุดยอดหนังสือดีที่ได้อ่าน บางเล่มก็อ่านมาหลายปีแล้ว ยังคงหยิบขึ้นมาทบทวน บางเล่มก็เพิ่งได้เจอกัน เอวาพูดถึงหนังสือเหล่านี้เสมอๆ แนะนำลูกศิษย์และคนที่รัก เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ที่เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนความคิด ได้มากทีเดียวค่ะ
มีหนังสือเรื่องอะไรบ้าง เหมือนกับเล่มโปรดของคุณหรือเปล่า
มาดูกันค่ะ
1. ทำสิ่งที่รักยังไงก็รุ่ง
เขียนโดย อ.บัณฑิต อึ้งรังษี
หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว เหมือนเปิดโลกทัศน์ยังไงยังงั้นเลยค่ะ คำว่า ทำงานที่รัก บอกตรงๆ ว่า ไม่เคยรู้จักค่ะ
รู้แค่ว่า เรียนให้จบ ทำงานให้เก่งๆ ให้ได้เงินเยอะๆ แล้วก็จะได้มีความสุข ใช้ชีวิตวัยเกษียณแบบ Slow Life
เข้าใจแบบนั้นจริงๆ เชื่อคำพูดว่า ลำบากก่อน แล้วค่อยสบายทีหลัง
ไม่รู้เลยว่า คนเราสามารถเลือกทำงานที่รักได้ แล้วก็สามารถร่ำรวยจากงานอะไรก็ได้
พออ่านหนังสือที่อ.บัณฑิต เขียนเล่มนี้ เมื่อปี 2015 ก็คือประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ตาสว่างทันที แล้วก็เข้าใจขั้นตอนของคนที่ร่ำรวยมีความสุขจากงานที่รัก มันเป็นแบบนี้ค่ะ
- คุณชอบทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากๆ
- ทำมันทุกวันเหมือนเป็นลมหายใจ
- ทำจนเก่ง และเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง จากครูเก่งๆ เพิ่มอีกด้วย
- คุณกลายเป็นคนเก่งสุดๆ ในงานนั้น เรียกว่า หาคนเทียบยาก ไม่ว่าใครที่ต้องการงานนี้ จะต้องตรงมาจ้างคุณ
- คุณเป็นอันดับต้นๆของสายอาชีพ ถึงตอนนี้ไม่ต้องสงสัยแล้วว่า คุณจะรวยได้หรือไม่
- คุณมีความสุขสุดๆ เพราะได้ทำงานที่รักทุกวัน
- นอกจากได้อยู่กับสิ่งที่ถนัดที่รักที่ชอบแล้ว ก็ยังมีคนแย่งเอาเงินมากองให้คุณ จนต้องปฏิเสธบางงานซะด้วยซ้ำ
- คุณเลือกงานได้ เลือกเวลาทำงานได้ เลือก lifestyle ได้
- คุณจากไปพร้อมกับตำนาน เป็น role model ให้คนรุ่นหลัง
ใช่แล้วค่ะ นี่คือสเต็ปธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ เพราะทุกคนเกิดมาเก่งไม่เหมือนกัน เชี่ยวชาญไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
แต่คนเราดันไปทำในสิ่งตรงข้ามกับหัวใจ ยอมทิ้งสิ่งที่รักสิ่งที่อยากทำ มุ่งไปหาเงินก่อน หาความมั่นคงก่อน
สุดท้าย ไม่ได้ทั้งเงิน เพราะทำงานที่ไม่รักจึงไม่รวย
สุดท้าย ไม่ได้ความมั่นคง เพราะความมั่นคงไม่มีอีกแล้วค่ะในโลกนี้ ถึงตอนนี้คุณก็คงเห็นแล้วว่า ความมั่นคงแทบไม่เหลือแล้วจริงๆ
.
หางานที่รัก คือ ความรับผิดชอบสิ่งแรกของชีวิตมนุษย์
ทำงานที่รัก คือ ปัจจัยสำคัญทำให้ก้าวไปสู่อิสรภาพทางการเงิน
ทำสิ่งที่รัก แล้วทุ่มเทสุดชีวิตสุดหัวใจในงานนั้น แล้วผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่มันจะตามมาค่ะ
.
ในเมื่อการทำงาน คือ เวลายาวนานถึง 1 ใน 3 ของชีวิตทุกคน ทำไมต้องรอ Thanks god it's Friday! ทำไมต้องรอให้ถึงวันหยุดถึงจะมีความสุขได้ มีความสุขวันนี้เลยไม่ดีกว่าหรอ ทุ่มเทให้กับงานที่รัก ที่ทำให้คุณมีความสุขทุกวัน เส้นทางนี้แหละค่ะ คือ มั่นคงกว่า มั่งคั่งกว่า ของจริง
2. Scientific Advertising
เขียนโดย Claude C. Hopkins แปลและสรุปโดย เจษฎา วีรบุญชัย
หนังสือคลาสสิคของนักการการตลาด นักขาย และนักโฆษณาที่ทรงพลัง เป็นหนังสือที่นักธุรกิจทุกคนควรต้องอ่าน ไม่มีประโยชน์เลยที่จะทำธุรกิจกันตามอำเภอใจ ทั้งๆ ที่หนทางในทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นมีอยู่จริง
.
เอวาจะหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่านทุกครั้งที่รู้สึกตัน คิดอะไรไม่ออก หรือเวลาต้องการออกผลงานใหม่ และเขียนโพสขายใหม่ๆ
หนังสือบางๆ เล่มนี้ อัดแน่นไปด้วยกลยุทธ์การตลาดอย่างน่าทึ่ง ขนาดอ่านไปหลายรอบแล้ว (น่าจะเกิน 10 รอบ) พอกลับมาอ่านอีกครั้ง ตาก็มองเห็นบางอย่างที่เหมือนไม่เคยอ่านเจอเลย
และเมื่อนำมาใช้ มันก็ได้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง
.
สิ่งที่ชอบในหนังสือ คือ
- ต้องทำให้โฆษณา หรือ โพสขายของคุณ ทำหน้าที่เหมือนนักขายคนหนึ่ง เป็นนักขายที่ไม่มีใครให้ความเกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้น สิ่งที่คุณควรสื่อสาร ต้องเฉพาะเจาะจง และ กระตุ้นอารมณ์ได้ถึงกลางใจ
- หน้าที่ของโพสขาย คือ เชิญชวนให้คนสนใจและทดลอง
- หน้าที่ของสินค้า คือ ขายตัวมันเองด้วยคุณภาพและคุณสมบัติที่เกินราคา
3. The Go-Giver
เขียนโดย Bob Burg and John David Mann แปลโดย ศิขริน
หนังสือเล่มนี้ได้มาจากบ้านคุณพ่อค่ะ เป็นหนังสือที่บลจ.ทหารไทย พิมพ์แจกให้ลูกค้านักลงทุน
หนังสือปกสีฟ้าไม่มีลวดลายใดๆ เล่มบางแต่แฝงไปด้วยปรัชญาที่ร่วมสมัยที่ทำได้จริง
ถ้าไม่ใช่เพราะชื่อหนังสือที่สะดุดตาว่า “ยิ่งให้ยิ่งได้” แล้ว เอวาคิดว่าคงไม่ได้อ่านแน่ๆ เพราะคิดว่าเป็นนิยายจากจินตนาการเรื่องหนึ่งเท่านั้น
.
หนังสือเล่มนี้สอนปรัชญาของชีวิต กฎแห่งความสำเร็จข้อหนึ่งที่เรียกว่า กฎแห่งการให้ โดยเล่าผ่านตัวละครหลายคน ผูกเรื่องเป็นนิยายที่น่าติดตามอ่านจนวางไม่ลง
โดยเฉพาะบทสุดท้ายที่อ่านแล้วได้คำตอบที่เคยตามหามานาน คำตอบของคำถามที่ว่า “เราจะให้ไปทำไม?”
เราจะให้ไปเพื่ออะไร? ถ้าให้แล้วเราจะหมดมั้ย?
.
คำตอบที่ได้รับ คือ คนเราไม่สามารถหายใจออกอย่างเดียวได้ และคนเราก็ไม่สามารถหายใจเข้าอย่างเดียวได้
เมื่อหายใจออก จึงต้องหายใจเข้า
เมื่อหายใจออก เอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป
ก็มีพืชและสัตว์รอรับก๊าซนั้นเข้าไปดำรงชีวิต และปล่อยออกซิเจนกลับมาให้เรา
.
การให้ของเรา คือ การรับของสิ่งอื่น
การให้ของสิ่งอื่น คือ การรับของเรา
โลกนี้ทำงานสอดคล้องประสานกันอย่างมีความหมาย ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
.
การให้และการรับ คือ กฎเดียวกันที่ไม่ได้แยกจากกัน
เคล็ดลับความสำเร็จมาจากการให้
การให้ คือ เปิดใจให้ว่างพร้อมที่จะรับ
.
มหัศจรรย์มากจริงๆค่ะ คุณว่ามั้ย?
4. The Richest Man in Babylon
เศรษฐีชี้ทางรวย เขียนโดย George S. Clason แปลโดย วรรธนา วงษ์ฉัตร
หนังสืออมตะเล่มนี้ เขียนขึ้นตั้งแต่ปี 1955 เป็นผลงานคลาสสิคที่ถูกกล่าวถึงโดยคนที่สำเร็จด้านการเงินเกือบทุกคน
เป็น How To สอนเรื่องการบริหารเงินที่เรียบง่ายและทำได้จริง
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักการ “จ่ายให้ตัวเองก่อน” คือ บรรทัดเดียวที่เปลี่ยนชีวิตของเอวาไปตลอดกาล
- จุดเริ่มต้นของความรวย คือ จ่ายให้ตัวเองก่อนอย่างน้อย 10% แล้วใช้จ่ายแค่ 90% ของรายได้ทั้งหมดที่หามาได้ แบบนี้แล้วเงินเก็บก็จะพอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
- ควบคุมการใช้จ่ายให้น้อยกว่า 90% เสมอ ยิ่งถ้ามีหนี้สินแล้ว จะต้องกันอีก 20% ไปจ่ายหนี้ แล้วใช้ชีวิตแค่ 70% เท่านั้นจากรายได้
- การทำงาน คือ ความโชคดี คนที่ฉลาด คือ คนที่เรียนรู้และพัฒนาตัวเองเสมอ ยิ่งรู้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งหาเงินได้มากขึ้นเท่านั้น
- โชคดี คือ เทพธิดาองค์หนึ่ง นางสนใจเฉพาะคนเปิดรับโอกาสอย่างรวดเร็ว ลงมือทำจริง เอาจริงเท่านั้น
หนังสือเล่มนี้สอนทั้ง วิธีการหาเงิน วิธีการเก็บเงิน วิธีการออมเงิน วิธีการใช้หนี้ และ mindsets ด้านการทำธุรกิจ
เป็นหนังสือที่ได้อ่านต่อเนื่องมาหลายปี และเป็นเล่มที่เอวาหยิบขึ้นมาทบทวนเกือบทุกเดือนค่ะ
5. The Science of Getting Rich
เขียนโดย Wallace D Wattle ถ่ายทอดโดย เจษฎา วีรบุญชัย
ตอนแรกคิดว่าหนังสือเล่มนี้ สอนเรื่องเงิน แต่พออ่านแล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ
เรียกว่าเป็นหนังสือพัฒนาชีวิตและจิตใจเลยมากกว่า
.
หนังสือให้คำตอบว่า “เราจะโน่นทำนี่ ทำมากขึ้น จะพัฒนาตัวเองไปทำไมนักหนา?”
ชีวิตตอนนี้ก็ไม่ได้ลำบาก จะทำอะไรมากมายไปทำไม?
.
นั่นเป็นเพราะ ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน จะมีความสุขที่สุดตอนที่เห็นตัวเองเติบโต
การได้แสดงออกซึ่งความสามารถ คือ จุดประสงค์ของชีวิต
ถ้าไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ คนเราจะไม่มีความสุขเลย และไม่มีใครใช้ชีวิตอย่างได้เต็มที่ ถ้าคนคนนั้น ไม่รวย
.
คุณลองนั่งดูหนัง ดูซีรีย์อยู่เฉยๆ ทั้งวันทั้งคืน ดูนะคะ ตอนแรกก็อาจจะมีรู้สึกสบายใจดีอยู่หรอก แต่ทำไปทำมา คุณจะเบื่อมาก เบื่อมากจนไม่อยากเปิดทีวีเลย เพราะการนั่งดูหนัง ไม่ได้ทำให้ตัวเรามีคุณค่าต่อผู้อื่นมากขึ้น ไม่ได้ทำให้เราได้รับการยอมรับ ไม่ได้ทำให้เติบโตขึ้นในฐานะมนุษย์ และที่สำคัญ ไม่ได้ทำให้รวยขึ้นด้วยค่ะ
.
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนวิธีการเก็บเงิน หรือ วิธีการลงทุน แต่สอนวิธีการใช้ชีวิต
วิธีการทำงาน
วิธีการลงมือทำ
วิธีการมองโลก
วิธีการทำธุรกิจ
สอนให้รู้จักกฎที่สำคัญกฎหนึ่ง คือ การกตัญญูรู้คุณ
.
และยังสอนอีกว่า ถ้ายังไม่รวยไม่ต้องเรียนเพิ่ม อย่าหลงเชื่อศาสตร์ประหลาดๆที่อาจจะมาฉกเงินในกระเป๋า
.
และเพราะหนังสือเล่มนี้แหละ ที่ทำให้เอวาเข้าใจว่า “ความรวย คือ ความโชคดี”
ความรวย คือ พรอันประเสริฐที่เราสามารถให้ตัวเองได้
ขอรวยก่อนเดี๋ยวอย่างอื่นค่อยว่ากัน
รวยแล้วจะให้สิ่งต่างๆ กับคนที่รักเท่าไหร่ก็ได้ จะสร้างงานอีกกี่งานก็ได้ จะถ่ายทอด หรือ เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นก็ยังได้
.
เพราะถ้าคุณไม่รวย คุณช่วยคนอื่นไม่ได้ ตัวเองยังไม่รอดเลย จะไปช่วยคนอื่นได้ยังไง
.
บทสรุปจากเอวาเองสำหรับหนังสือดีเล่มนี้ คือ “จงไปรวยซะ เพื่อตอบแทนที่ได้เกิดมาในโลกนี้”
6. Secrets of the Millionaire Mind
ดูจากสภาพความเยินของหนังสือเล่มนี้ คุณน่าจะเดาออกนะคะ ว่าผ่านการอ่าน และ กระเตงไปด้วยทุกที่แบบสมบุกสมบันมากแค่ไหน^^
เพราะหนังสือเล่มนี้ แค่บทเดียว ก็ทำให้เอวาเข้าใจทันทีว่า ที่ผ่านมาไม่รวย ใช้เงินหมดตลอด แถมยังมีหนี้อีกด้วย ก็เพราะเหตุผลเดียว คือ เอวาเคยมีทัศนคติที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องเงินอย่างหนักเลยค่ะ
เราทุกคนอยู่ภายใต้กฎแห่งเหตุและผล เงินเป็นผลลัพธ์ ความรวยก็เป็นผลลัพธ์ สุขภาพ ความเจ็บป่วย ทุกสิ่งทุกอย่าง คือ ผลลัพธ์ของความคิดและการกระทำทั้งหมดเลยค่ะ
คุณบอกว่า คุณอยากรวย แต่เวลาได้เงินมากลับรีบเอาไปใช้ รีบผลักไสไล่ส่งเงินออกไปให้เร็วที่สุด ปากบอกว่า อยากได้เงิน แต่กลับทำเหมือนคนเกลียดเงิน ยังไงยั้งงั้น จริงหรือเปล่า ลองถามตัวเองดูค่ะ
เงิน เป็นพลังงาน เงินชอบสถานที่ที่ต้อนรับเค้าอย่างดี ชอบอยู่กับคนฉลาดที่รู้วิธีดูแลเค้าอย่างดี
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับเงินในอดีต อาจจะครอบครัวทะเลาะกันเรื่องเงิน หรือ พ่อแม่พูดเสมอว่า เงินหายาก เงินไม่ได้หล่นมาจากฟ้า หรืออะไรก็ตาม
ให้อภัยอดีตเหล่านั้นซะนะคะ ให้อภัยกับพ่อแม่ ให้อภัยกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขอบคุณทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และตอนนี้คุณเลือกได้ค่ะ คุณเลือกปลูกความคิดชุดใหม่ใส่เข้าไปในร่างกายได้ ความคิดใหม่ที่ช่วยนำพาให้คุณพบกับความสุขและความสำเร็จได้ค่ะ
หนังสือเล่มนี้ยังมีอีก 17 วิธีที่บอกว่า คนรวย คิด และ ใช้ชีวิตแตกต่างจากคนจนยังไง โดนใจเอวามีหลายข้อเลยค่ะ อาทิเช่น
- คนรวยเชื่อว่าเค้าควบคุมอนาคตได้ ส่วนคนจนแค่มีชีวิตเพื่อรับมือกับสถานการณ์
- คนรวยมองหาโอกาส คนจนมองเห็นแต่ปัญหา
- คนรวยอยู่กับเพื่อนคิดดี เพื่อนที่เป็น mastermind ส่วนคนจนแวดล้อมไปด้วยคนคิดลบๆ และคนไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลย
- และข้อนี้ชอบมากค่ะ คือ คนรวยรู้สึกดีกับการโปรโมทตัวเอง ภูมิใจที่บอกผู้อื่นว่าสินค้าของตัวเองดียังไง มีคุณค่ามากแค่ไหน จะช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตดีขึ้นยังไง ส่วนคนจนเกลียดกลัวการขาย (นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เค้าจนต่อไปค่ะ)
7. The Art of Money Getting
เขียนโดย P.T. Barnum ถ่ายทอดโดย เจษฎา วีรบุญชัย
.
ใครที่กลัวการโปรโมทตัวเอง หรือ โปรโมทธุรกิจของตัวเอง ต้องอ่านเล่มนี้ด่วนเลยค่ะ สิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าคุณไม่โปรโมทสินค้าหรือตัวคุณเอง คือ "ความเงียบ" เงียบสงัด แบบขายไม่ได้เลยนั่นแหละค่ะ
มีของดี ก็ต้องบอกให้คนรู้ ชีวิตของทุกคนมีสิ่งเร้ามากมายในแต่ละวันค่ะ เรื่องของเราคงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตหรอกค่ะ
นิสัยกลัวการขาย เกิดขึ้นเพราะ คุณไม่ได้มั่นใจว่าของนั้นดีจริง ลูกค้าใช้แล้ว ฟังแล้ว เรียนแล้ว จะมีชีวิตที่ดีขึ้นจริงๆ
ต้นเหตุ คือ ยังไม่เข้าใจสินค้าดีพอ ก็ต้องแก้ตรงนั้นค่ะ
.
"คุณควรให้ความเคารพต่อลูกค้า ถ้าไม่เอาใจใส่ลูกค้าซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดของกิจการแล้วล่ะก็ อาจะไปสู่การเสื่อมเสียชื่อเสียง รายได้น้อยลง มีกำไรลดลง เพราะลูกค้า เค้าฉลาดกว่าที่เจ้าของกิจการจะจินตนาการได้ มากมายนักค่ะ"
.
อีกเรื่องหนึ่งที่เอวาชอบมาก คือ วิธีการใช้เงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมากๆ เอวาสามารถปฏิบัติตามได้อย่างรวดเร็ว
- ได้มา 100 ใช้ 105 คือ นรก ในขณะที่ ได้มา 100 ใช้ 92 บาท คือ นิพพาน ชอบสุดๆ เลยค่ะ ตัวเลขห่างกันแค่ไม่กี่บาท แต่ทำให้คุณเหมือนขึ้นสวรรค์กับตกนรกได้เลย ซึ่งมันเรียบง่ายมาก ก็แค่ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้ ยังไงก็รวยค่ะ
- บาปมหันต์ คือ การก่อหนี้สิน ไม่มีประโยชน์ที่จะซื้อสิ่งของ ซื้อวัตถุมากมายเพื่อมาอวดกัน แบบนั้นยิ่งจะทำให้ตัวเองร้อนรุ่มอยู่ในใจ และจริงๆ แล้วไม่มีใครเค้าสนใจอะไรคุณมากนักหรอก !
- มุ่งมั่น เอาใจใส่กับธุรกิจเพียงธุรกิจเดียว ยืนหยัดจนกว่าจะสำเร็จ หรือ ละทิ้งมันไปซะ เมื่อได้พยายามอย่างสุดชีวิตแล้วแต่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ คนเราไม่ได้เหมาะกับธุรกิจเดียวกันเสมอไปนะคะ คิดให้ถูกต้องค่ะ
8. เป็นเจ้านายของความสุข
เขียนโดย คุณแวน พิชาวีร์ เมฆขยาย เจ้าของแฟนเพจ https://www.facebook.com/bypichawee/
เอวาติดตามคุณแวนมานานแล้วค่ะ เคยพบกันในคอร์สสัมมนาของอ.บัณฑิต แล้วก็ชื่นชอบงานเขียน ติดตามตลอดมาเลยค่ะ
หนังสืออ่านง่าย และพูดถึงสิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่งของชีวิตมนุษย์ นั่นก็คือ ความสุข
แปลกแต่จริง เราทุกคนต้องการความสุข ความสุข คือ เป้าหมายหลักในชีวิต แต่เหมือนเส้นผมบังภูเขา ที่น้อยคนนักจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจริงๆ เพราะดันเอาความสุขไปแขวนไว้ที่วัตถุสิ่งของ เอาไปแขวนไว้กับความคิดเห็นของคนอื่น และ ยึดติดกับความเพอร์เฟกต์มากเกินไป
อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนหาความสุขยาก เพราะเสพสื่อ ดูหนัง มิวสิควีดีโอ ฟังข่าวร้ายมากเกินไป อันนี้เอวาเห็นด้วยเลยค่ะ สมัยก่อนก็ร้องเพลงอกหักรักคุดได้อย่างหน้าตาเฉย จำเนื้อเพลงได้ถึงตอนนี้อีกต่างหาก
แต่พอหยุดรับสื่อต่างๆ หยุดอ่านข่าว หยุดดูทีวี ละครไร้สาระที่ยัดเยียดวัฒนธรรมแปลกๆ หยุดฟังเพลง สังเกตว่า คิดลบน้อยลง ยิ่งพอกำลังนั่งทานข้าว แล้วมีใครเปิดทีวีทิ้งไว้ ยังแทบอยากจะลุกไปปิดเลยค่ะ สงสัยว่าเค้าฟังเรื่องแบบนี้ทั้งวี่ทั้งวันได้ยังไง นี่แหละจึงเป็นสาเหตุให้คนส่วนใหญ่ นิยมดราม่า
แล้วยิ่งสมัยนี้มี Social Bullying ด่าทอบุคคลสาธารณะกันแบบหยาบๆ คายๆ ประหนึ่งกับว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรผิดเลยในชีวิตนี้ เอวามองว่า ชีวิตเค้าน่าเศร้ามากนะคะ
การโฟกัสไปที่คำถามที่ถูกต้อง ย่อมนำไปสู่คำตอบที่ถูกต้องค่ะ
เช่น มันยากมากเลยนะ เราทำไม่ได้หรอก เพราะเราไม่เก่งอย่างเค้า เราไม่... เราไม่... เรา.... สารพัดข้ออ้างค่ะ
ให้เปลี่ยนเป็นคำถามที่ว่า "ฉันจะทำยังไง ควรเรียนอะไร ควรพัฒนาตัวเองตรงไหน เพื่อทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ"
แค่เปลี่ยนคำถาม คำตอบของคุณก็จะเปลี่ยน เช่นเดียวกันค่ะ
9. วิธีชนะมิตรและจูงใจคน
เขียนโดย Dale Carnegie แปลโดย อาษา ขอจิตต์เมตต์
หนังสืออมตะอายุ 80 ปีเล่มนี้ เอวาได้อ่านครั้งแรกตอนอายุสิบกว่าขวบ เป็นหนังสือเก่าๆ ปกสีฟ้าค่อนข้างรุ่งริ่ง
.
พี่ชายอ่านจบเป็นคนแรก ได้รับเงิน 100 บาทจากปาป๊าเป็นรางวัล ไอ้เราก็อยากได้เงินบ้าง ^^ อ่านเป็นเดือนถึงจะอ่านจบ
ยอมรับว่าตอนนั้นไม่ค่อยอิน ไม่ค่อยเข้าใจว่าเค้าต้องการสอนอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนอย่างเราจะไปจูงใจใครได้
.
จนได้มาซื้อฉบับของตัวเองเมื่อปี 2016 ค่อยๆอ่าน ค่อยๆทำความเข้าใจ และนำมาปรับใช้ในความสัมพันธ์หลายๆ ด้าน ทั้งกับสามี พ่อแม่ เพื่อนร่วมงาน คู่ค้า คือใช้ได้กับทุกความสัมพันธ์จริงๆ ค่ะ
.
แค่ “เคล็ดลับ” เดียวที่ได้อ่านและนำมาลองใช้ดู ก็แก้ปัญหาความไม่ลงรอยกันที่มีอยู่มานานแสนนานได้แล้ว นั่นก็คือ การยอมรับว่าตัวเองผิด พูดขอโทษ และรีบรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทันที
.
หนังสือเล่มนี้ประกอบไปด้วย 34 เคล็ดลับด้วยกัน ถ้าไม่ดีจริง คงไม่อยู่มานานเกือบร้อยปี พิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไปหลายต่อหลายภาษาทั่วโลกหรอกค่ะ
ใครกำลังเหนื่อยกับปัญหาความสัมพันธ์ อยากให้อ่านจริงๆค่ะ
10. The Magic
เล่มนี้คืออีก 1 เล่มโปรดที่นำมาปิดท้ายบทความในวันนี้ค่ะ เขียนโดย Rhonda Byrne ผู้เขียนหนังสือ The Secret
เอวามีทั้ง 3 เล่มของเค้าเลย ตั้งแต่ The Secret พูดเรื่องกฎแรงดึงดูด
The Magic เล่มนี้ แล้วก็ The Power พูดถึงพลังมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต คือ ความรักค่ะ
พอเริ่มต้นอ่านบทแรก แล้วปฏิบัติตามไปเรื่อยๆ แค่เริ่มต้นสองสามวันแรก ก็น้ำตาไหลพรากระหว่างที่นั่งลงเขียน "ขอบคุณ" เลยค่ะ
สะพานเชื่อมต่อระหว่างปัจจุบันกับสิ่งที่คุณปรารถนา คือ “ความสำนึกรู้คุณ” ตัวเดียวเท่านี้เองค่ะ ความสำนึกรู้คุณจะนำพาความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์แบบไม่จำกัดเข้ามาในชีวิตคุณ
ไม่ว่าใครก็มีปัญหาทั้งนั้น แต่คนที่ชีวิตมีแต่ปัญหารุมเร้าไม่หยุดไม่หย่อนซะที เพราะเค้าไม่สำนึกรู้คุณกับสิ่งที่มี ไม่เคยขอบคุณล่วงหน้า มองเห็นแต่ปัญหาและความบัดซบในชีวิต
ตอนแรกสั่งมาก็ไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไรด้วยซ้ำ สั่งซื้อมาเพราะชื่อ Rhonda Byrne เลย
พออ่านไปอ่านมา เอวาชอบหนังสือเล่มนี้มาก เพราะเป็น Action ให้ค่อยๆฝึกไปทีละวัน จึงเป็นที่มาให้นำมาแปลและเขียนลงในเพจ แบ่งเป็นการฝึก 28 วัน พร้อมวิธีการอย่างละเอียดค่ะ
ถ้าวันนี้คุณอยากเปลี่ยนผลลัพธ์อะไรซักอย่างในชีวิต แล้วก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี?
เพราะไม่มีเงินทุน ไม่มีเวลา ไม่มีอะไรที่ควรมีซักอย่างเดียว
ไม่เป็นไรค่ะ ไม่มีสิ่งเหล่านั้นไม่เป็นไร
แต่วันนี้คุณยังมีชีวิต มีหัวใจ มีเช้าวันใหม่ให้ตื่นขึ้นมาสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ลองเริ่มต้นทำตามที่เอวาบอกซักข้อนะคะ ให้ฝึกสำนึกรู้คุณ ทั้ง 28 วันนี้ค่ะ
แล้วคุณจะรู้ว่า สิ่งเดียวที่ช่วยเติมเต็มให้ชีวิตพบเจอกับความสุขความสำเร็จ และความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์
คำตอบมันอยู่ตรงนี้ค่ะ “ขอบคุณ”
คลิกที่นี่เพื่อเริ่มต้นฝึกกตัญญูรู้คุณกับเอวานะคะ >> http://bit.ly/2TskEg5
SMART MOMPRENEUR WORKBOOK
เป็นเจ้าของ Workbook ฟรีทันที
กดปุ่ม Free Download ได้เลยค่ะ
นี่ก็คือ หนังสือดีๆทั้ง 10 เล่มที่เอวาอยากแบ่งปันค่ะ
คุณชื่นชอบเล่มไหน?
เคยอ่านเล่มไหนแล้ว?
ได้ไอเดีย หรือ แนวคิดอะไร มาแบ่งปันกันนะคะ
การเรียนรู้ด้วยการอ่าน ถือเป็นการลงทุนกับตัวเองที่ดีมากวิธีหนึ่ง
จะเสียเวลาลองผิดลองถูกเองทำไม ถ้าสามารถเรียนรู้เคล็ดลับต่างๆ จากคนอื่น ที่ใช้ประสบการณ์ของเค้าแลกบทเรียนมาแล้วทั้งชีวิต
ขอให้ทุกๆวันของคุณ คือ วันแห่งความก้าวหน้าค่ะ
อย่าพลาดของขวัญที่เอวาเตรียมไว้ให้
ดาวน์โหลดฟรี Smart Mompreneur Workbook
และฟัง AudioBlog #3 เรื่อง 10 ทักษะที่ต้องรู้ สู่การเป็น Mompreneur มืออาชีพ ด้วยนะคะ
รัก
เอวา จิตสุทธิภากร